แม้ว่าจะมีกระแสข่าวเขื่อนไซยะบุรี หยุดทดลองเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าตั้งแต่เมื่อวาน แต่ปริมาณน้ำที่ไหลผ่าน จ.หนองคาย ยังมีระดับต่ำกว่า 1 เมตร ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาไม่สามารถแจกจ่ายให้ประชาชนได้อุปโภคมา 2 วันแล้ว ซึ่งล่าสุดน้ำประปาเพิ่งใช้ได้บางส่วนหลังจากเจ้าที่ปรับแผนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
ทีมข่าวพีพีทีวีลงพื้นที่สำรวจมาตรวัดระดับน้ำ ของส่วนอุทกวิทยาหนองคาย กรมทรัพยากรน้ำ พบว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงที่ไหลผ่าน จ.หนองคาย มีเพียง 94 เซนติเมตร ต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 11 เมตร หากนำตัวเลขนี้ไปเปรียบเทียบจะพบว่า ต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปี ชาวบ้านหลายคนบอกว่าไม่เคยเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อน
ส่วนนี้คือองค์พระธาตุเหล้าหนอง พระธาตุกลางน้ำ จ.หนองคาย ปรากฏให้เห็นชัดเจนกว่าปกติในรอบหลาย 10 ปี นอกจากนี้ยังพบว่าบริเวณโดยรอบมีสันดอนทรายโผล่ขึ้นหลายจุดทั้งในฝั่งไทยและลาว โดยในวันนี้น้ำประปาในพื้นที่จ.หนองคาย เริ่มใช้ได้แล้วบางพื้นที่ หลังปรับแผนการวางระดับเครื่องสูบน้ำ ทั้งนี้จะเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างเร่งด่วน
วิกฤตที่ขึ้นกับแม่น้ำโขงตอนนี้ มุมมองของนักวิชาการและชาวบ้านมีความเห็นสอดคล้องกันว่า เกิดจาก 3 ปัจจัยใหญ่ ปัจจัยแรก เขื่อนจิ่งหง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ลดการระบายน้ำเหลือเพียง 500 ลบ.ม. วินาที เขื่อนไซยะบุรี ในประเทศ สปป.ลาว ซึ่งเป็นของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งสัญชาติไทย เดินเครื่องทดสอบระบบผลิตกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีปัจจัยทางธรรมชาติฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานานทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงน้อยลง ทั้งที่อยู่ในช่วงฤดูมรสุม สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของชาวบ้าน และพบว่าระบบนิเวศในแม่น้ำโขงเสียหายไปแล้วกว่าร้อยละ 60 ของพื้นที่
แม้จะมีกระแสข่าวว่า เขื่อนไซยะบุรี หยุดเดินเครื่องทดลองผลิตไฟฟ้าแล้วก็ตาม และคาดว่าระดับน้ำจะสูงขึ้นภายใน 2 ถึง 3 วันนี้ แต่ชาวบ้านยังเกิดความกังวล โดยเฉพาะระบบนเวศน์ในแม่น้ำโขง ซึ่งพบว่าพันธุ์ปลาประจำถิ่นเริ่มทยอยตายเป็นจำนวนมาก อาจส่งผลกระทบในอนาคต โดยขอให้ภาครัฐรีบแก้ปัญหา