เสียแชมป์! “นิพิฏฐ์-ศิริโชค” พ่ายภูมิใจไทย
ตร.เร่งล่าคนร้ายกระหน่ำยิงหนุ่มพัทลุงกว่า 40 นัด เสียชีวิตคารถ
ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ลงพื้นที่หาเบาะแสเพิ่มเติม หลังคนร้ายก่อเหตุ ใช้ปืนเอ็ม 16 และอาก้ายิงถล่มรถนายสุนทร เรืองแก้ว อายุ 50 ปี ผู้ช่วย นายฉลอง เทิดวีระพงษ์ ส.ส.พัทลุงเขต2 พรรคภูมิใจไทย และยังเป็นนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดพัทลุง บริษัทเรืองแก้วการโยธา จำกัด จนเสียชีวิต บนถนนสายหัวถนนท่านช่วย – ชะรัด ท้องที่ หมู่ 6 ตำบลนาท่อม อพเภอเมืองพัทลุง ช่วงค่ำวานนี้
โดยตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดบนถนนใกล้จุดเกิดเหตุ ของทางเทศบาลตำบลอ่างทอง จำนวน4จุด ซึ่งคาดว่าคนร้ายอาจใช้เส่้นทางนี้มาดักรอผู้ตายและใช้หลบหนี ขณะที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบที่เกิดเหตุเพิ่มเติม เก็บปลอกกระสุนปืน อาก้าและเอ็ม 16 ได้อีกอย่างละ 1 ปลอก
นายประเทือง เรืองแก้ว น้องชายผู้เสียชีวิต เชื่อว่า สาเหตุการสังหารครั้งนี้มาจากเรื่องธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เพราะพี่ชายไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกับใคร นอกจากเรื่องธุรกิจรับเหมาที่ทำอยู่ เชื่อว่าก่อนหน้านี้หลังจากที่รัฐมนตรีหลายคนลงมาในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ทำให้ผู้รับเหมารายอื่นไม่พอใจเพราะหวั่นเกรงว่าหากโครงการต่างๆที่รัฐมนตรีอนุมัติมา พี่ชายมีโอกาสได้งานมากกว่าผู้ประกอบการรายอื่นเพราะเป้นผู้ช่วยส.ส.
นายประเทือง บอกอีกว่า ก่อนเกิดเหตุ พี่ชายคุมงานก่อสร้างอยู่ในโครงการขุดลอกคลองแก้ภัยแล้ง ก่อนจะมีโทรศัพท์โทรเข้ามาแล้วพี่ชายขับรถออกไปก่อนจะถูกยิงเสียชีวิต
ด้าน พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าคดีว่า ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ลงพื้นที่หาเบาะแสเพื่อตรวจสอบหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของผู้เสียชีวิต รวบรวมพยานหลักฐาน และจะมีการสอบปากคำพยาน รวมทั้งญาติที่เกี่ยวข้อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง โดยทั้งนี้ทั้งนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ฟันธงไปที่ประเด็นใด และยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งไป เบื้องคาดว่ามีแนวโน้มว่าจะเป็นเรื่องขัดแย้งทางธุรกิจ โดย พันตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการ ให้ทุกหน่วยในพื้นที่ เพิ่มมาตรการในการเฝ้าระวังและการป้องกันเหตุ รวมไปถึงให้เพิ่มมาตรการเข้ม ทั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในการตรวจค้นอาวุธปืน ยาเสพติด รถทุกชนิดและบุคคลเป้าหมาย ตามเส้นทางหลักและเส้นทางรอง เพื่อสร้างความมั่นใจและเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ประชาชน นักท่องเที่ยวและนักลงทุนในพื้นที่