กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ภายหลังศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ
สธ.ยืนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตรายแรกของไทย เผยมีไข้เลือดออกร่วม
สธ.เคลียร์ดรามา ยันไม่ปิดข้อมูลผู้เสียชีวิตโควิด-19 คนแรก
วันที่ 3 มี.ค. 2563 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ ว่า ตนไม่ได้ต้องการให้สังคมเกิดความตระหนกตกใจ แต่ต้องการให้ตระหนักและเกิดการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้อย่างเข้มข้น เนื่องจากข้อมูลที่กระทรวงสาธารณสุข แถลงว่า เดิมทีผู้ป่วยที่เสียชีวิตมาจากรพ.เอกชนแห่งหนึ่ง เดิมพบไข้เลือดออก แต่เมื่อมาถึงสถาบันบำราศนราดูรไม่พบเชื้อไข้เลือดออก แต่พบเชื้อโควิด-19 และปอดถูกทำลายมาก ซึ่งข้อมูลนี้ถูกต้อง แต่ประเด็นที่อยากสื่อสารคือ กระทรวงสาธารณสุข ต้องสื่อสารว่า เชื้อโควิด-19 อันตรายจริงๆ และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตล้วนๆ การจะไปรอขั้นตอนคณะกรรมการวิชาการมาพิจารณาอาจไม่ทัน เนื่องจากต้องมีการประกาศให้บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศเตรียมพร้อมว่า การตรวจวินิจฉัยอาการที่อาจมาจากโควิด-19 ไม่ใช่ว่าจะพบแต่ผู้สูงอายุ แต่พบได้ในคนหนุ่มสาว คนทุกวัย มีความเสี่ยงรับเชื้อ และเกิดอาการรุนแรงได้หมด
“ หากเรามัวรอเวลา ก็จะทำให้ทุกอย่างช้า และอาจไม่ทันการณ์ได้ เนื่องจากหมอที่ตรวจอาจวินิจฉัยพลาดได้ ซึ่งไม่ได้ตั้งใจ เพราะเข้าใจมาตลอดว่า ไวรัสโควิด-19 อันตรายเฉพาะผู้สูงวัย หรือคนมีโรคประจำตัว รวมถึงภาวะมีโรคแทรกซ้อนต่างๆ จริงๆ ต้องตรวจให้ละเอียดทั้งหมด รวมไปถึงประชาชนทั่วไป ก็อยากให้ตระหนักว่า ยังต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า ล้างมือบ่อยๆ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลล้างมือ” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการออกมาพูดไม่ได้เกี่ยวข้องว่าต้องการขัดแย้งกับกระทรวงสาธารณสุขใช่หรือไม่ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า ตนไม่ได้อยากขัดแย้งกับใคร ที่ผ่านมาตนทำงานกับกระทรวงสาธารณสุขในเรื่องการควบคุมป้องกันโรคมาตลอด ยิ่งคนทำงานด้วยกันตนยิ่งนับถือ และมีความเคารพ แต่ที่ออกมาสื่อสารก็อย่างที่บอกว่า ต้องการให้เรามีความพร้อม และรับมือกับเชื้อไวรัสตัวนี้อย่างรวดเร็ว
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวอีกว่า เห็นได้จากกรณีวอร์รูมกระทรวงฯ หรือศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ที่มีทุกวันนี้ยังติดระบบราชการ ติดขั้นตอนต่างๆ ตนเสนอว่าควรต้องปรับรูปแบบการทำงานใหม่เพื่อให้การปฏิบัติงานกระชับรวดเร็วขึ้น โดยต้องเป็นอิสระ และดำเนินการสั่งการณ์ได้ทันที แต่ต้องรายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้ทราบเรื่องนี้ตลอด หากมีการปรับรูปแบบใหม่การทำงานก็จะรวดเร็วขึ้น