กรมการค้าภายใน ประสาน 10 โรงงาน เพิ่มการผลิตหน้ากากอนามัย ป้องกัน “ไวรัสโคโรนา”
อธิบดีกรมการค้าภายใน แจ้งความเอาผิด โฆษกกรมศุลกากร
เอกสารที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยผ่านเฟซ บุ๊กส่วนตัว โดยมีรายละเอียดชื่อบริษัทผู้ผลิต สินค้าเป็นผ้าปิดจมูกสำหรับใช้ทางการแพทย์ จำนวน 1 ล้าน 3 หมื่น 5 พัน 2 ร้อยชิ้น และมีปลายทางอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มีลงลายเซ็นต์ของอธิบดีกรมการค้าภายใน อนุญาตให้ส่งออกนอกราชอาณาจักร
นายพิชัย ให้สัมภาษณ์กับพีพีทีวีว่า ได้รับเอกสารฉบับนี้จากเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติของกระทรวงพาณิชย์ หลังก่อนหน้านี้เรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง เปิดเผยข้อมูลการส่งออกหน้าอนามัย ซึ่งนายพิชัยมองว่าการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจนจะทำให้รู้สถานการณ์ที่แท้จริง แต่ก็ยอมรับว่าแม้การส่งออกหน้ากากอนามัย ขออนุญาตถูกต้องตามระเบียบ ได้อนุญาตจากกรมการค้าภายในเมื่อ 11 มีนาคม แต่การส่งออกหน้ากากจำนวนมากในสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังเจอวิกฤตเช่นนี้ อาจเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
วิเคราะห์เหตุตัวเลขส่งออกหน้ากากอนามัย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร..
"ส่อง" การจัดการ "หน้ากากอนามัย" แต่ละประเทศ
ด้านนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 จนถึงปัจจุบัน ห้ามส่งออกหน้ากากอนามัย ภายใต้กฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือ กกร. เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเลขาธิการ กกร. ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณา คือ หน้ากากอนามัยที่ประเทศไทยไม่ใช้ , สินค้าที่มีลิขสิทธิ์ของต่างประเทศ ,โรงงานที่ผลิตได้รับบีโอไอให้ผลิตเพื่อการส่งออกเท่านั้น รวมถึงหน้ากากเฉพาะที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ถึงจะอนุญาตให้ส่งออกได้ แต่หน้ากากอนามัยแบบที่ไทยต้องใช้ ไม่มีการอนุญาตให้ส่งออก
นายวิชัย ย้ำว่า ตามที่เผยแพร่ภาพใบอนุญาตให้ส่งออกหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ในสื่อโซเชียลมีเดียนั้น เป็นไปตามเงื่อนไขการส่งออกที่กำหนด ซึ่งการที่จะระงับการส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าว ไม่มีเหตุผลที่จะนำมาอ้างต่อผู้ขอส่งออก และอาจจะต้องรับผิดจากความเสียหายที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าไม่อนุญาตให้ส่งออกหน้ากากอนามัยที่ใช้ในประเทศอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กรมการค้าภายใน มีการเปิดเผยข้อมูล บริษัทผู้ผลิต 242 แห่ง ซึ่งขออนุญาตส่งออกหน้ากากอนามัย 53 ล้านชิ้นไปยังประเทศต่างๆ แต่กรมการค้าภายใน ได้อนุญาตให้ส่งออกเพียง 7 บริษัท ที่ส่งออกไป 8 ประเทศ รวมกว่า 12 ล้านชิ้น โดยพบว่าบริษัทที่ส่งออกไปกว่า 1 ล้านชิ้น ตามเอกสารที่นายพิชัยเปิดเผย เป็น 1 ใน 7 บริษัท ที่ได้รับอนุญาต
