ด.ต.โดดเกาะหน้ารถ หลังถูกชนจยย.ขณะติดไฟแดง

คลิปภาพดาบตำรวจ มนตรี  เกาะหน้ากระโปรงรถคันสีเหลือ ที่กำลังหลบหนี หลังชนท้ายรถจักรยานยนต์ ดาบตำรวจ มนตรี ขณะติดไฟ ซึ่งคนขับรถคันดังกล่าว ได้พยายามขับหลบหนีไปไกลกว่า 2 กิโลเมตร โดยมีดาบตำรวจ มนตรี   เกาะอยู่ที่กระโปรงหน้า

หลังเกิดเหตุ ดาบตำรวจ มนตรี นิติชัย ผบ.หมู่งานจราจร สถานีตำรวจภูธรท่าศาลา เปิดเผยว่า หลังจากที่ออกเวรจากการตั้งด่านตรวจในเขตเทศบาลตำบลท่าศาลา ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อไปอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ตรวจธนาคาร ตรวจร้านทอง ร้านสะดวกซื้อ บริเวณสี่แยกกรุงไทย ต.ท่าศาลา  แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นที่สี่แยกไฟแดง ได้มีรถยนต์สีเหลือง ป้ายแดง พุ่งชนท้ายแต่ไม่รุนแรง หลังโดนชนตนจึงลงไปเพื่อเจรจากับคนขับรถ  ปรากฏว่าคนขับรถไม่ยอมจอดกลับพยายามหลบหนี ตนจึงกระโดดเกาะฝากระโปรงรถเพื่อให้จอดแต่ไม่เป็นผล คนขับได้ขับรถไปต่อทั้งที่ตนยังเกาะฝากระโปรง  ไปไกลถึง 2 กิโลเมตร ก่อนชาวบ้านแจ้งไปยังห้องวิทยุ สภ.ท่าศาลา ขอกำลังสนับสนุนเพื่อสกัดจับ เมื่อถึงตลาดอาทิตย์คนขับรถได้จอดรถแล้วตนก็หลุดออกจากกระโปรงรถ คนขับรถจึงขับรถหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

ด้าน ร้อยตำรวจเอก ณรงค์ชัย คงช่วย รองสารวัตร สภ.ท่าศาลา ระบุว่า ได้สอบปากคำ ดาบตำรวจ มนตรี แล้วแต่ ดาบตำรวจ มนตรี ไม่สามารถจำหน้าคนร้ายที่ขับรถคันดังกล่าวได้ ส่วนรถคันดังกล่าวติดป้ายแดงก็ไม่มีใครจำหมายเลขทะเบียนได้ อย่างไรก็ตามจะทำการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดเพื่อหาเส้นทางหลบหนี และจะเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ล่าสุด  พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มีความห่วงใยในการปฎิบัติหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชา ขอให้ยึดหลักในการปฎิบัติหน้าที่ตามยุทธวิธีตำรวจและระดับการใช้กำลังเพื่อให้เกิดความปลอดภัยของตัวผู้ปฏิบัติงาน อีกทั้งขอให้ผู้ขับขี่คู่กรณีมามอบตัวกับพนักงานสอบสวนเพราะการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย

พร้อมกันนี้ฝากไปยังผู้ใช้รถใช้ถนนเมื่อเกิดเหตุการเฉี่ยวชน คู่กรณี่ที่เกี่ยวข้องต้องหยุดรถลงมาให้ความช่วยเหลือคู่กรณีตามสมควรและแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่ผู้ขับขี่ ไม่แสดงตัวต่อพนักงานจราจรหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ณ สถานที่เกิดเหตุ ให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระทำความผิดโดยอาจจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 78 และมาตรา 160 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ