รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมและคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.) เสนอ ให้บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย โดยจะต้องส่งเรื่องให้ศาลล้มละลายกลาง
เหตุผลจาก "พล.อ.ประยุทธ์" เลือกทางที่ 3 ให้การบินไทย
สหภาพบินไทย ค้าน ก.คลัง ลดสัดส่วนถือหุ้นลง 2%
รวมทั้งเห็นชอบให้การบินไทยพ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยให้กระทรวงการคลังลดสัดส่วนการถือหุ้นต่ำกว่า 50% โดยภายหลังการประชุม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะแถลงมติดังกล่าวด้วยตัวเอง โดยระบุว่า
"ยอมรับเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่เป็นหนทางเดียวที่จะสามารถช่วยให้การบินไทยสามารถเดินต่อไปได้ ไม่ให้ถูกล้มละลายและเชื่อว่าเมื่อผ่านกระบวนการฟื้นฟูแล้ว เชื่อว่าจะมีมืออาชีพเข้ามาบริหารงาน จนการบินไทยสามารถกู้คืนชื่อเสียงมาให้กับประเทศได้อีกครั้ง"
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ มี 3 ทางเลือก คือ 1.หาเงินให้กับการบินไทย 2.ปล่อยให้ล้มละลาย และ 3.ยื่นต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู ซึ่งได้ตัดสินใจ เลือกแบบที่ 3 เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
"คนร."ไฟเขียวการบินไทยเข้าแผนฟื้นฟูตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
อดีตอธิบดีกรมบังคับคดี อธิบายชัด การฟื้นฟูกิจการ กับ การล้มละลาย เป็นถนนคนละเส้น
สำหรับแนวทางการฟื้นฟูกิจการการบินไทย คาดว่าจะประกอบด้วย
"การบินไทยพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ" โดยให้กระทรวงการคลังขายหุ้นการบินไทย 3% ให้กองทุนวายุภักดิ์ ภายหลังการขายหุ้นแล้วทำให้คลังเหลือการถือหุ้น 47%
ต่อมา "ปรับโครงสร้างการบริหาร" โดยให้กรรมการลาออกจนเหลือ 3 คน และให้กรรมการใหม่เข้าไป จากนั้น ร้องขอต่อศาลล้มละลายเพื่อขอฟื้นฟูกิจการ ซึ่งเมื่อศาลรับฟื้นฟูกิจการ หนี้ของการบินไทยจะผิดนัดชำระหนี้ (default) โดยอัตโนมัติ
นอกจากนั้นแล้วจะยกเลิกให้การบินไทย เป็นโฮลดิ้ง คัมพานี ด้วยการตัดขายกิจการในเครือทั้งหมด เช่น ครัวการบินไทย หรือ ไทยสมายล์
ส่วนการดูแลเจ้าหนี้ต่างประเทศ จะยื่นต่อศาลสหรัฐฯ โดยอาศัย Chapter 11 ตามกฎหมายล้มละลายของสหรัฐฯ เนื่องจากต้องดำเนินกิจการต่อไป หากบินไปในต่างประเทศอาจจะโดนยึดเครื่องบินไทย รวมทั้งการดูแลเจ้าหนี้ลิสซิ่งเครื่องบินด้วย ซึ่งมีสหรัฐฯ อังกฤษ และเยอรมัน เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่