นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า ระบุถึง กรณีประชาชนออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ว่าเป็นเรื่องปกติทางการเมือง ถือว่าการเรียกร้องให้ประชาธิปไตยกลับสู่สภาวะปกติ เป็นการทวงอนาคตคืน และการเรียกร้องครั้งนี้ยังเป็นการทำลายโครงสร้างทางสังคมที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมกำลังจะออกแบบ ทำให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเสียประโยชน์ จึงมีพยายามกล่าวหาว่าผู้ชุมนุมรับเงินมา ตนเองเชื่อว่าไม่จริง การออกมาเคลื่อนไหวไม่มีใครบังคับหรือรับเงิน ส่วนที่ตนเองถูกกล่าวหาว่า ให้เงินทำม็อบนั้นไม่จริงเช่นกัน
กลุ่มเยาวชนปลดแอกยื่น 3 ข้อให้นายกฯ พิจารณา
“วิษณุ” ปัดตอบ ม็อบเยาวชนฯ ผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่
ส่วนที่นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐกล่าวหาว่า นายธนาธร อยู่เบื้องหลังม็อบ นายธนาธรตอบสั้นๆ ว่า “ไม่ขอต่อล้อต่อเถียงด้วย”
ส่วนที่มีแกนนำม็อบจะถูกตำรวจดำเนินคดีนั้น นายธนาธรระบุว่า อยากให้ประชาชนทุกคนปกป้อง คนเหล่านี้ เพราะคนเหล่านี้ปกป้องประชาธิปไตย ทำในสิ่งที่หลายคนไม่สะดวกที่จะทำเพราะบางคนต้องทำงาน หรือ อยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถเรียกร้องได้ หากไม่ปกป้องจะไม่มีใครพูดแทน
พร้อมระบุอีกว่า การดำเนินคดีกับแกนนำ คือ กลยุทธ์ ที่มีมาตั้งแต่สมัย คสช. ถือเป็นการคุกคามประชาชน ต้องการทำให้กลัว หวาดหวั่น มองว่าไม่ใช่รูปแบบการทำงานที่เป็นประชาธิปไตย
นายธนาธรยังกล่าวถึงกรณีที่แกนนำคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล ไปร่วมชุมนุมนั้น มองว่า ใครที่เรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และมีกลุ่มคนออกมาแสดงความเห็นหรือปราศรัย คนที่เห็นด้วยก็สามารถร่วมได้เสมอ เมื่อถามว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ยุบสภาฯ เห็นด้วยหรือไม่ นายธนาธรระบุว่า “ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ตรงนี้”
นายธนาธรกล่าวทิ้งท้ายถึง สถานการณ์การเมืองปัจจุบันว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายควรหันหน้าเข้าหากัน เพราะอยู่ในจุดที่สังคมเข้าใกล้วิกฤตการเมือง ซึ่งครั้งนี้จะแหลมคมกว่าครั้งอื่นๆ เชื่อว่าทุกฝ่ายยังพอมีเวลาเหลืออยู่ อย่ารอให้มีการบาดเจ็บล้มตายขนานใหญ่ ควรพูดคุย ประณีประนอม นี่ไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นทางออกทางเดียวที่เหลืออยู่ ของสังคม ทุกคนต้องกลับมาหาข้อตกลง ฉันทามติใหม่ ในรูปแบบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นทางออกทางเดียว ก่อนที่ประเทศไทยจะพังทลาย ขอส่งเสียงถึงผู้มีอำนาจที่จะหยุดวิกฤตการเมืองได้
เมื่อถามว่าหากรัฐหรือผู้มีอำนาจไม่ได้เลือกแนวทางนี้จะเป็นอย่างไร นายธนาธรระบุว่า ขึ้นอยู่กับประชาชน