ผู้นำฝ่ายค้าน ยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญ ม.256
เมื่อวานนี้ (25 ส.ค.) หลายพรรคการเมืองได้มีการประชุมพรรค เพื่อหารือถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังการประชุมพรรค ที่ประชุมพรรค ได้มีการขอมติต่อการดำเนินการเพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยที่ประชุมมีมติให้แก้มาตรา 256 เปิดทางให้มีการตั้ง ส.ส.ร. ให้ประชาชนมาแก้ไม่ใช่คิดแทนประชาชน ซึ่งเชื่อว่าหากเราเดินไปในเส้นทางนี้จะเป็นทางออกของปัญหาของประเทศ ดังนั้น เมื่อเรามีมติไปแล้วก็จำเป็นต้องดำเนินการตามมติของพรรค
ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกล จะขอให้พรรคร่วมลงชื่อเสนอแก้รัฐธรรมนูญเพิ่มเติมในมาตราอื่น ๆ นั้น พรรคเพื่อไทย มี 3 ทางเลือกให้สมาชิกลงมติ คือ 1.ไม่ลงชื่อ 2.ลงชื่อ และ 3.ฟรีโหวต ผลปรากฎว่า 99.99 เปอร์เซ็นต์ ไม่ร่วมลงชื่อ มีเพียงนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน เพียงคนเดียวที่มีความเห็นว่า ควรเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส. โดยก่อนที่จะมีการโหวตได้เปิดโอกาสให้ส.ส.ได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ได้ความสรุปว่า การจะยื่นแก้มาตรา 272 คือ การลดอำนาจ ส.ว. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นการผิดหลักการของพรรคเพื่อไทย ที่ประกาศแต่แรกว่าจะแก้มาตรา 256 ที่จะให้ประชาชนมาร่วมเขียน โดยไม่ตัดสินใจหรือเขียนแทนประชาชน และ 2.เราเห็นด้วยกับการตัดอำนาจส.ว. แต่วันนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ แต่ควรให้ส.ส.ร.ดำเนินการไปให้เต็มที่ แต่หากการดำเนินการตามช่องทางดังกล่าวไม่สัมฤทธิ์ผล เราก็ไม่ได้ปิดทางที่จะมาดำเนินการตามมาตรา 272 ร่วมกันในอนาคต
“ประชาชนปลดแอก” ย้ำ จุดยืดเดิม ส.ว.ต้องหมดอำนาจภายใน ก.ย.นี้
และจากการที่พรรคเพื่อไทย มีมติไม่ร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 คือ การลดอำนาจ ส.ว. กับทางพรรคก้าวไกลนั้น
ต่อมาทวิตเตอร์ “พรรคก้าวไกล - Move Forward Party” ทวีตข้อความ ว่า “เรารับทราบและเคารพการตัดสินใจของเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม เราก็จะรณรงค์เพื่อรวมเสียง ส.ส. ต่อไปให้ครบเพื่อยื่นปิดสวิตช์ ส.ว. ให้สำเร็จจงได้ และในวันนี้ ( 26 ส.ค.) เวลา 10.00 พรรคก้าวไกลจะแถลงความชัดเจนให้ทุกคนทราบ
ส่วนความเคลื่อนไหวพรรคพลังประชารัฐ ในการแก้รัฐธรรมนุญนั้น นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ประเด็นโครงสร้างของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขณะนี้ร่างเสร็จแล้ว 90% คาดว่าจะสามารถเสนอญัตติต่อสภาฯได้ในวันที่ 1 ก.ย. นี้
เบื้องต้นกำหนดให้ ส.ส.ร. มีระยะเวลา ในการทำงานพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ให้เสร็จ ภายใน 240 วัน ไม่รวมเวลาในการทำ ประชามติ และยืนยันไม่จะแก้ไข หมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 เกี่ยวกับสถาบัน พระมหากษัตริย์ โดยเด็ดขาด
สำหรับเหตุผลที่ต้องให้เวลาทำงานถึง 240 วันนั้น เห็นว่าเหมาะสม เป็นการเผื่อเวลาไว้ตามกรอบที่เคยมีการร่างมา แต่ก็มีโอกาส ที่จะร่างเสร็จสิ้นก่อนอยู่แล้ว ส่วนใน รายละเอียดว่าจะกำหนดสัดส่วน ส.ส.ร. อย่างไรนั้น ฝ่ายรัฐบาลยังเปิดกว้างให้ สภาฯเป็นผู้กำหนด และในวันนี้ ( 26 ส.ค.) จะมีการนัดหารือกับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญกับสมาชิกวุฒิสภา
“เพื่อไทย” หวั่น ส.ว.ล้มแก้รัฐธรรมนูญ เตือนข้อเสนอ “ก้าวไกล” จอดยกแรก
