“ไบเดน" เดินหน้าหาเสียงที่ฟลอริด้า โกยคะแนนช่วง "ทรัมป์" ป่วย


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ระหว่างที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังวุ่นกับการรักษาตัวให้หายจากโควิด-19 และตอบคำถามจำนวนมากกับสังคม โจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตเดินทางไปหาเสียงในรัฐฟลอริด้า รัฐที่เดโมแครตและรีพับลิกันมักมีคะแนนสูสี และจะมีผลอย่างมากต่อชัยชนะครั้งที่สองของทรัมป์ โดยตอนนี้ไบเดนมีคะแนนนิยมนำทรัมป์ในรัฐฟลอริด้า และโพลสำรวจทั่วประเทศ

โจ ไบเดน ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต เดินทางไปหาเสียงที่รัฐฟลอริด้า

“โจ ไบเดน” เคาะเลือก สว.ผิวสี เป็นผู้ท้าชิงรองปธน.สหรัฐฯ

ไบเดนสวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างมิดชิด เขาใช้โอกาสนี้พูดแสดงความยินดีที่ทรัมป์มีอาการดีขึ้น แต่ก็ขอให้ทรัมป์เชื่อนักวิทยาศาสตร์ สนับสนุนหน้ากากอนามัย อย่าพูดเหมือนโควิดไม่อันตรายอะไร เพราะตัวเขาเองก็เคยป่วยมาแล้ว

ฟลอริด้าเป็นหนึ่งใน 6 รัฐที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเทคะแนนเสียงให้ใครระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์

ที่นี่มีคณะผู้เลือกตั้ง 29 เสียง ชัยชนะในรัฐฟลอริด้าจึงมีความสำคัญอย่างมากเพื่อให้เก็บคะแนนได้ถึง 270 เสียงและเป็นผู้ชนะ

สมัยที่แล้วทรัมป์สามารถคว้าชัยชนะเหนือรัฐฟลอริด้าไปได้ มีการคาดการณ์ว่า หากครั้งนี้ทรัมป์แพ้ในรัฐฟลอริด้า สูญเสียเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งไป 29 เสียง อาจทำให้ทรัมป์คว้าตำแหน่งประธานาธิบดีได้ยากมาก ไบเดนจึงใช้จังหวะนี้มาหาเสียงกับคนที่นี่
โพลที่ไปสำรวจความเห็นชาวฟลอริด้าหลังการดีเบตระหว่างไบเดนกับทรัมป์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชี้ว่า ไบเดนมีคะแนนความนิยมเหนือทรัมป์อยู่ 5 คะแนน ชาวฟลอริด้าร้อยละ 47 สนับสนุนไบเดน ขณะที่ร้อยละ 42 สนับสนุนทรัมป์

ขณะที่รัฐแกว่งอื่นๆ อย่างเพนซิลเวเนีย โอไฮโอ และมิชิแกน ไบเดนก็มีคะแนนนำทรัมป์เช่นเดียวกัน

ในการเลือกตั้งอเมริกัน ชัยชนะเหนือรัฐแกว่งแทบจะเป็นตัวกำหนดชัยชนะของประธานาธิบดี

โพลเผย “ไบเดน” คะแนนนิยมนำ “ทรัมป์” มากที่สุดในรอบเดือน

โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาประเด็นโควิด-19 มีผลอย่างมากต่อความนิยมของไบเดนและทรัมป์ โดยเฉพาะหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์เองติดโควิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

และประเด็นการติดเชื้อของทรัมป์ จะเป็นประเด็นหลักในการดีเบตระหว่างกมลา แฮร์ริส กับ ไมค์ เพนซ์ คู่ท้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีจากเดโมแครตและรีพับลิกัน ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันพุธนี้

ปกติแล้ว การดีเบตระหว่างคู่ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีก็เป็นสิ่งที่ผู้คนไม่ได้ให้ความสนใจเท่ากับดีเบตระหว่างคู่ท้าชิงประธานาธิบดี

แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้ เพราะครั้งนี้ชาวอเมริกันจะนั่งดูทั้งคู่ไม่ใช่แค่เพียงฐานะว่าที่รองประธานาธิบดี แต่ในฐานะคนที่อาจจะเป็นประธานาธิบดีในอนาคต

สำหรับไมค์ เพนซ์ มีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจต้องขึ้นมาเป็นรักษาการประธานาธิบดี ในกรณีที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง แต่ยังป่วย หรือร้ายแรงที่สุดคือเสียชีวิต

สำหรับ กมลา แฮร์ริส มีการคาดการณ์ว่า เธอถูกวางตัวให้ลงสมัครเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2024 เพราะไบเดนที่อายุ 77 ปี เคยประกาศว่า หากชนะ เขาจะไม่ลงสมัครอีกสมัย แต่จะส่งไม้ต่อให้คนรุ่นใหม่

ประเด็นโควิด-19 และการติดเชื้อของทรัมป์จึงจะเป็นประเด็นหลักในการดีเบตครั้งนี้ และชาวอเมริกันจะเฝ้าดูวิสัยทัศน์ของทั้งคู่อย่างใกล้ชิด

มีการคาดการณ์ว่า กมลา แฮร์ริส น่าจะได้คะแนนนิยมหลังดีเบตมากกว่าไมค์ เพนซ์ ตามรอยโจ ไบเดน คู่หาเสียงของเธอ

โดยตอนนี้ในโพลสำรวจความนิยมทั่วประเทศ ไบเดนมีคะแนนนิยมอยู่ที่ร้อยละ 49.8 ทรัมป์ที่ร้อยละ 41.5 ตามหลังไบเดนอยู่ราว 8 คะแนน

PR-โปรแกรมผลบอล-2_B PR-โปรแกรมผลบอล-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ