อุตสาหกรรมวิสกี้ มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของสกอตแลนด์ ในปี 2019 มีการส่งออก ไปถึง 1.3 พันล้านขวด โดยมีตลาดรองรับถึง 175 ทั่วโลก สร้างรายได้ 4.9 พันล้านปอนด์ (1.9 แสนล้านบาท) โดยเฉพาะวิสกี้ที่ถูกกลั่นจากโรงกลั่นใน 3 เกาะ คือ เกาะไอเลย์ (Islay) เกาะ Jura และเกาะ Arran ที่ล้วนแต่ผลิตวิสกี้ชื่อดัง และเป็นวิสกี้ที่นักดื่มทั่วโลกหลงใหล เพราะมีความโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เช่น Ardbeg, Lagavulin และ Laphroaig ฯลฯ แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ปัจจุบัน กำลังแตกต่างออกไป เมื่อถังบ่มวิสกี้นับพันถัง บรรจุวิสกี้หลายล้านลิตร ถูกตั้งทิ้งเรียงรายไปบนถนนเลียบชายฝั่งของเกาะยาวถึง 500 เมตร
สถานการณ์เด่นรอบโลก 11 ต.ค. 63
กรุงปักกิ่งสั่งเลี่ยงนำเข้าอาหารแช่แข็งจากประเทศที่โควิด-19 ระบาดหนัก
เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อุตสาหกรรมวิสกี้ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เมื่อเกาะวิสกี้ทั้ง 3 แห่ง ถูกปิดกั้นในช่วงที่อังกฤษมีการประกาศล็อกดาวน์ จนแทบจะกลายเป็นเกาะร้าง การแพร่ระบาดโดยรอบส่งผลกระทบมายังอุตสาหกรรมการผลิตวิสกี้ โรงกลั่นทั้งหมดต้องหยุดกิจการและปิดตัวลงตั้งแต่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา มีเพียงเรือข้ามฟากที่ใช้สำหรับส่งเสบียงอาหารให้กับชาวเกาะเท่านั้น รวมถึงคนที่ต้องการได้รับการช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉินที่จะได้อนุญาตให้เดินทางเข้า-ออกเกาะทั้ง 3 แห่ง
กระทบต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น คนงานนับหมื่นคนที่ทำงานในอุตสาหกรรมวิสกี้ เพราะมีคนงานถึง 7,000 คน เป็นคนที่อาศัยอยู่ห่างไกลและต้องเดินทางเข้าออกเกาะทั้ง 3 แห่ง
"พนักงานในโรงกลั่นทั้งหมดถูกปลดออกจากตำแหน่ง" จอห์น แคมป์เบล ผู้จัดการโรงกลั่น Laphroaig บนเกาะไอเลย์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2358 ผลิตวิสกี้มากกว่า 2 ล้านลิตร ทุกปี กล่าว "มันเงียบมากแม้เวลาไปเดินเล่นก็ยังไม่เจอใครเลย"
เขากล่าวต่อว่า โรงกลั่นของเขาไม่เคยปิดเลยเป็นเวลานานกว่า 40 ปี มันถูกเปิดการผลิตตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นในปีนี้เขาคาดว่าสูญเสียการผลิตวิสกี้ไปแล้วประมาณ 1 ล้านลิตร
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวท้องถิ่นก็เช่นกัน เพราะไม่เพียงผลิตวิสกี้เท่านั้นเกาะ 3 แห่งนี้ยังมีนักท่องเที่ยวนิยมมาดูกระบวนการผลิตตามโรงกลั่นต่างๆ แต่ปัจจุบันถนนทุกเส้นเงียบสงบไร้นักท่องเที่ยว การปิดโรงกลั่นทำให้ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและโรงแรมทั้งหมดปิดตัวลง เทศกาลวิสกี้ประจำปีของเกาะไอเลย์ (FèisÌle) ช่วงเดือนพฤษภาคมถูกยกเลิก ทำนักท่องเที่ยว 3,000-10,000 คนหายไป
ในปี 2562 โรงกลั่นต่างๆ มีคนมาเที่ยวชมมากกว่า 2 ล้านคน และ 2 แสนคนนิยมมาพักบนเกาะไอเลย์ แต่นับจากนี้คาดว่าอีก 2-3 ปี กว่าทุกอย่างจะกลับมาปกติ
แต่ดูเหมือนเกาะ Arran สถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น เนื่องจากโรงกลั่น 2 แห่งหลัก Lochranza และ Lagg ส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตใช้คนเพียงไม่กี่คน จึงได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสกอตแลนด์ ให้กลับมาเดินเครื่องการผลิตอีกครั้งเมื่อเดือน พ.ค. และคาดว่าจะผลิตได้ตามเป้า 500,000 ลิตรต่อปีภายในสิ้นปีนี้
ร้านค้าสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ตั้งแต่ 21 ก.ค. จากนั้นอีก 2 สัปดาห์ คาเฟ่ต่างๆ กลับมาเปิดได้ ส่วนการเปิดให้เข้าชมโรงกลั่นกลับมาเปิดในวันที่ 14 ก.ย. แต่นักท่องเที่ยวจะต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น จึงจะสามารถเดินทางมาได้ และต้องไม่เกิน 6 คนต่อ 1 กลุ่ม ต่อวันจะสามารถให้บริการได้ 2 กลุ่มเพื่อรักษาระยะห่างทางสังคม เนื่องจากต้องทำความสะอาดพื้นที่ทุกครั้งหลังนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมเสร็จ
ในปี 2562 ที่โรงกลั่น Lochranza จะมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมการผลิตและชิมวิสกี้ถึง 120,000 คน ค่าใช้จ่ายสำหรับชิมวิสกี้ 4 ขวดคือ 15 ปอนด์ (600 บาท) ค่าตั๋วชมโรงกลั่นอีก 10 ปอนด์ (400 บาท) และส่วนใหญ่จะซื้อวิสกี้กลับไปอย่างน้อยคนละ 1 ขวด
การหยุดชะงักของอุตสาหกรรมวิสกี้ถือเป็นผลกระทบลูกโซ่ ที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นักดื่มไม่สามารถเดินหาซื้อวิสกี้เหล่านี้จากซูเปอร์มาเก็ต หรือ เว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซอย่าง แอมะซอนได้ ขณะเดียวกัน ก็ไม่สามารถเดินทางมาซื้อด้วยตัวเองที่เกาะได้ ภาพของถังวิสกี้นับพันถังที่บรรจุวิสกี้หลายล้านลิตรจึงถูกตั้งเรียบรายอยู่เต็มพื้นที่เกาะ
มนุษย์ติดเชื้อโควิด-19 ผ่านบรรจุภัณฑ์อาหารแช่แข็งได้ “ในทางทฤษฎี”