อมเบี้ยเลี้ยงลูกน้องจริง! พบผิดปกติ เบิกงบ 100-200 ล้าน 'บิ๊กหิน' ฮึ่ม สร้างหลักฐานเท็จก็ไล่จับได้
'บิ๊กปั๊ด'สั่งจเรตำรวจแห่งชาติ ฟันเด็ดขาดอมเบี้ยเลี้ยงโควิด ให้บินด่วนภ.4 คุ้ยปม
พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมรายงานผลการตรวจสอบปมทุจริตเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 ที่ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ได้เงินไม่ครบตามจำนวนที่เบิก หรือไม่ได้รับเงินตามที่มีการเบิกจ่ายจริง หรือมีการโอนเงินเข้าบัญชีแล้วให้ข้าราชการตำรวจเบิกเงินแล้วนำเงินมาคืน โดยมีตัวแทนกองบัญชาการตำรวจนครบาลและตำรวจภูธรภาค 1-9 เข้าร่วมประชุม
พล.ต.อ.วิสนุ เปิดเผยผลการตรวจสอบพบการดำเนินการไม่ตามระเบียบในหลายหน่วยงานทั้งในระดับตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 คือ โอนให้กับผู้ไม่มีสิทธิหรือโอนให้ผู้ที่มีสิทธิแล้วถอนออกมา จึงสั่งดำเนินคดีอาญาผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตามคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีพบการดำเนินการไม่เป็นไปตามระเบียบมีโอนไม่ตรงกับผู้ที่มีสิทธิ โอนไปยังผู้มีสิทธิแล้วมีการทอน ข้อมูลที่มีทั้งหมด ผบ.ตร.สั่งให้ผู้บัญชาการทุกหน่วยที่รับงบประมาณไปไปดำเนินคดีตั้งสืบสวนข้อเท็จจริงและดำเนินคดีอาญาทั้งหมดที่มีการกระทำผิดได้รับเบื้ยเลี้ยงไม่ครบ ดำเนินคดีทุกคน
สำหรับพื้นที่ที่พบการกระทำเข้าข่ายความผิด ประกอบด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มี ที่ จ.สระบุรี นนทบุรี ภูธรภาค 3 มี จ.สุรินทร์ ภาค 4 สภ.ท่าลี่ จ.เลย สภ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น , จ.มหาสารคาม ส่วนภูธรภาค 5 พบที่ จ.เชียงราย ภูธรภาค 6-7 ยังไม่พบ ภูธรภาค 8 พบที่ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และ สภ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต ขณะที่ภูธรภาค 9 พบที่ จ.พัทลุง โดยระเบียบ ก.ตร.กำหนดเบี้ยเลี้ยงให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกชั้นยศชั่วโมงละ 60 บาท ไม่เกิน 7 ชั่วโมงต่อวัน และต้องโอนเงินเข้าบัญชีโดยตรง
พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะถูกสอบสวนเป็นกลุ่มแรกคือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบการเงิน ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่ามีผิดวินัยร้ายแรงตามที่ถูกกล่าวหา โทษสูงสุดคือสั่งปลดออกจากราชการ ส่วนคดีอาญาส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ถูกสอบสวน กรณีนี้ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบทั้ง 4 จุดที่ถูกร้องเรียนนั้นมีแค่ 1 จุด คือที่ สภ.ทุ่งมน ที่มีการเอาเงินเข้าบัญชีตามระเบียบแล้วมีการเบิกเงินออกมาจัดสรรใหม่ ซึ่งเป็นแค่การไม่เคร่งครัดต่อระเบียบในการดำเนินการเท่านั้น
ลักษณะการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงโควิดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ สภ.ทุ่งมนนั้น พล.ต.ต.ชาญชัย อธิบายว่า ผู้ที่ได้รับเงินเข้าบัญชีเห็นว่าเพื่อนตำรวจที่ทำงานด้วยกัน บางคนก็ทำหน้าที่ปกติบางคนก็ถูกจัดไปทำหน้าที่เรื่องป้องกันโควิดจึงมีการตกลงกันว่าเงินที่เข้าบัญชีแต่ละคนก็เบิกออกมาแล้วมารวมกันและจัดสรรกันใหม่ตามความหนักเบาของงานที่ไม่เท่ากัน ส่วนเงินที่เหลือจากการแบ่งกันก็ตกลงกันว่าให้นำไปใช้ปรับปรุงโรงพัก ซึ่งเป็นความสมัครใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียสละเงินตนเอง จึงเป็นการไม่เคร่งครัดต่อระเบียบเท่านั้น ไม่ได้ทุจริต และไม่ได้ทำผิดขั้นตอนตามกฎหมาย หากการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้วหมดความจำเป็นที่จะอยู่ที่ ศปก.ก็จะส่งกลับไปที่สังกัดเดิม ส่วนในพื้นที่อื่น ๆ ก็ทราบว่าปฏิบัติตามระเบียบทุกขั้นตอน ไม่มีทุจริต