ทนายอนันต์ชัย พร้อมสู้หลังถูก “ปารีณา”ฟ้องหมิ่น ยันมีคนพร้อมเป็นพยานให้ 2-3 หมื่นคน

โดย PPTV Online

เผยแพร่

ทนายอนันต์ชัย พร้อมสู้หลังถูก “ปารีณา”ฟ้องหมิ่น เตรียมล่ารายชื่อยื่น ประธานสภา-ผบ.ตร.ห้ามแทรกแซง ลั่น คุณไม่ได้สู้กับผมแค่คนเดียว แต่กำลังสู้กับคนทั้งประเทศ

"อนันต์ชัย" จี้ "ปารีณา" ขอโทษปม ออทิสติก

“ทนายอนันต์ชัย” จ่อล่าชื่อ คนพิการทั่วประเทศ สู้คดี “เอ๋ ปารีณา”

จากกรณีดราม่า น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ต่อว่าดาราสาว “ก้อย อรัชพร” ว่าเป็น “ดาราหน้าแบ๊วหรือออทิสติกกันแน่” กระทั่งทนายคนดัง นายอนันต์ชัย ไชยเดช ได้ออกมาโพสต์เช่นกัน พร้อมแสดงความไม่พอใจที่ น.ส.ปารีณา บูลลี่คนที่เป็นออทิสติก ในฐานะที่เขามีลูกเป็นออทิสติกนั้น และล่าสุดวันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา น.ส.ปารีณา ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่าได้เข้าแจ้งความที่ สภ.โพธาราม เพื่อดำเนินคดีกับ ทนายอนันต์ชัย ข้อหาหมิ่นประมาทนั้น

ล่าสุด 14 ม.ค. 2564 นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ กล่าวในรายการเป็นเรื่องเป็นข่าวว่า จากรณีนี้ถ้าเป็นบุคคลธรรมดาไม่ได้เป็นบุคคลสาธารณะ ก็ไม่เป็นอะไร แต่บังเอิญน.ส.ปารีณา เป็นคนของรัฐบาล ตนเองก็ไม่ได้อยากจะเข้าไปยุ่งกับการเมือง และ การที่ ก้อย ไปวิจารณ์ก็เป็นสิทธิของประชาชนคนหนึ่งที่จะสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ รัฐบาลเมื่อได้รับคำวิจารณ์ก็ควรจะไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงชี้แจงไม่ใช่ออกมาใช้คำพูดแบบนี้

“ผมถือว่าคุณปารีณา เป็นบุคคลสาธารณะ เมื่อคุณเป็นคนสาธารณะผมก็มีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ในฐานะที่ผมเป็นประชาชน คุณเป็นผู้แทนของผม เพียงแต่คุณเป็นผู้แทนของชาวจ.ราชบุรีเขต 3 และเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว สมาคมออทิสติกก็มีหนังสือไปเตือนน.ส.ปารีณาด้วย คุณก็ไม่ฟัง แม้แต่น้องเพียงฝันที่เขาอยู่ประเทศอังกฤษ เขาก็กระทบกระเทือนเนื่องจากเขาก็เป็นออทิสติก และได้โพสต์ข้อความว่าเขาเรียนเก่งอย่างไร เด็กออทิสติกเขาจะเป็นคนตรงๆไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร แต่กลับจะไปแจ้งความจับน้องเขาอีก”

นายอนันต์ชัย กล่าวอีกว่า ตนเองมีลูกที่เป็นออทิสติก ความรู้สึกของคนเราตอนที่ลูกคลอดออกมาเราก็ดีใจ หวังให้ลูกมีอนาคตเจริญก้าวหน้า แต่เมื่อรู้ว่าลูกเป็นออทิสติกทุกคนจะรู้สึกอย่างไร ตนเองเลี้ยงลูกที่เป็นออสทิสติก ยอมรับว่าเลี้ยงยากมาก เผลอไม่ได้เขาจะหนีหายไปทันที มีอะไรกินหมด ข้าวของพังพินาศ หมด “ผมเองต้องใช้เวลาฝึกฝนมา 18 ปี จนกระทั่งมาค้นพบว่าการนั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ทำให้จิตของเขานิ่ง สงบ จนกระทั่งเขาสามารถเดินจงกรม และนั่งสมาธิได้ 1 ชั่วโมง ใส่บาตรทุกวัน สวดมนต์อาราธนาศีล 5 ทุกวัน ไม่เคยพูดโกหก ไม่เคยพูดส่อเสียดใคร เขามีศีล 5 ครบ ผมก็เอาตรงนี้ไปบอกเขาถ้าคุณทำได้เท่าลูกของผมไหม ถ้าคุณทำได้ก็โอเค ถ้าคุณทำไม่ได้คุณก็ต้องยอมรับว่าคุณสู้เด็กออสทิสติกไม่ได้ แต่เขากลับบอกว่าการที่ผมเอาความประพฤติของลูกผมไปเปรียบเทียบกับเขาทำให้เขาด้อยค่า และ คำว่าด้อยค่าเป็นความคิดของคุณ ไม่ใช่ความคิดของผม”

นายอนันต์ชัย กล่าวอีกว่า ตนเองถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาเมื่อลูกมาบอกว่าขอบวชให้พ่อกับแม่ และในหลวงรัชกาลที่ 9 ตนเองจึงได้บวชเป็นเพื่อนลูก เมื่อปีที่แล้วตนก็บวชเช่นกัน และ ต้องยอมรับว่าการเลี้ยงลูกที่เป็นออสทิสติกจะค่อนข้างยากมาก

เมื่อถามว่าจะต้องให้น.ส.ปารีณา รับผิดชอบอย่างไร นายอนันต์ชัย กล่าวว่า ไม่ต้องให้รับผิดชอบอะไร ตนรู้นิสัยของเขาอยู่แล้ว ตนไม่ยุ่งการเมือง แต่ก็ดูการเมือง แล้วเห็นสิ่งที่น.ส.ปารีณาทำไว้กับใครมันเยอะมาก คนเขารู้กันทั้งประเทศ แล้วก็มาตอกผมว่าเป็นคนอย่างนั้นอย่างนี้ ย้ำว่าไม่มีใครมาว่าอย่างนี้กับตน มีแต่คนสรรเสริญไม่อย่างนั้นตนจะได้ฉายาทนายจะดูกเหล็กได้อย่างไร

ส่วนการที่น.ส.ปารีณาให้ไปคุยกันที่ศาลนั้น ตนเองเคยบอกแล้วว่าอย่าไปแจ้ง หรือ ฟ้องเลยมันช้า เพราะตนมีพยาน 2-3 หมื่นคน มีนักวิชาการ มีข้อมูลเรื่องออทิสติก มีสหประชาชาติ อาเซียน ผู้ปกครองของเด็กพิการที่จะมาเป็นพยาน จึงถามว่าใครจะเหนื่อย และ คนที่เหนื่อยก็คือตำรวจ ตนได้ประกาศไปแล้วว่าคุณจะออกหมายเรียกผู้ต้องหาของตนคุณก็ต้องสอบข้อเท็จจริงให้ได้ก่อน และ ตนไม่ให้ไปสอบที่โพธาราม แต่จะให้ไปสอบพยานที่เชียงใหม่ เชียงราย เบตง เพราะพยาน 2-3 หมื่นคนอยู่ทั่วประเทศ และ ตนเองกำลังจะล่ารายชื่อไปยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อย่าเข้ามาแทรกแซง และจะไปยื่นต่อ องค์กรสหประชาชาติ และ ไปยื่นหน่วยงานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคนพิการ

“คุณไม่ได้สู้กับผมแค่คนเดียว แต่คุณกำลังสู้กับองค์กรคนพิการ เผลอๆคุณกำลังสู้กับคนทั้งประเทศ ไปดูในเพจตรงไหนก็ได้มีแต่คนเชียรผมทั้งนั้น ว่าเมื่อไหร่จะล่ารายชื่อ” นายอนันต์ชัย กล่าว

ด้าน น.ส.เพียงฝัน นาคสุขไพบูลย์ ผู้ป่วยออทิสติก กล่าวว่า ครั้งแรกต้องการที่จะทวิตข้อความไปให้คนประมาณ200-300 คนทราบเท่านั้น ไม่คิดว่าจะมีคนมาติดตามเยอะมากขนาดนี้ และ ด้วยที่ตนเองอยู่ที่อังกฤษจะได้รับสิทธิความเป็นคนพิการจะค่อนข้างเยอะ และก็ได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดี และก็รู้สึกน้อยใจ กับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่เราได้รับโอกาสน้อยมาก ฉะนั้นทำให้มองว่า สิ่งที่ตนเองทวิตข้อความไปก็เพื่อต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนว่า มันเป็นไปได้ถ้ามีโอกาสที่ดี มีการศึกษาที่ดี การที่ตนพูดไปก็เป็นการแสดงความเห็นของคนๆหนึ่ง และ ตนเป็นคนที่โชคดีมากๆ และไม่เคยลืมพระคุณผู้ที่ให้ทุนมาเรียน และขอบคุณพี่ๆน้องๆที่สนับสนุนมาเสมอ ก็เลยอย่างให้ทุกคนเปลี่ยนทัศนะคติต่อผู้พิการ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายรายการทางพิธีกรได้ให้ น.ส.เพียงฝัน ได้แนะนำตัวและเสนอข้อคิดต่อสังคม

เธอบอกว่า ตอนนี้เป็นนักศึกษาปริญญาเอก คณะแพทยศาสตร์ เป็นนักวิจัยที่เน้นไปในเรื่องของมะเร็งลำไส้ และ กำลังทำโปรเจคแรกของโลก เกี่ยวกับโรคโควิด-19 มีผลกระทบกับผู้ป่วยโรคมะเร็งมากน้อยแค่ไหน  และ สิ่งที่เธออยากบอกให้ทุกคนรู้ว่า สิ่งที่น่าภูมิใจคือลูกหลานคนไทยสามารถไปได้ไกลระดับโลก อยากให้พ่อแม่ทุกคนเชื่อในตัวของลูกว่าลูกของคุณสามารถทำตามความฝันของเขาได้ ถ้าเขามีโอกาสและมีความเชื่อมั่นจากผู้ปกครอง และ คุณครู

Bottom-PL-HLW Bottom-PL-HLW

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ