ความเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์และกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการประมงใน จ.สงขลา เช่น ท่าเทียบเรือ แพปลา และโรงโม่น้ำแข็ง ซึ่งมีมติจะดีเดย์หยุดยาวพร้อมกันไม่มีตั้งแต่วันนี้คือ 4 ก.ค.เป็นต้นไป จากมาตรการควบคุมและจับกุมเรือประมงผิดกฎหมายของรัฐบาล ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา
ปรากฏว่าในวันนี้มีเฉพาะเรือประมงที่ผิดกฎหมายมีอาชญาบัตรไม่ถูกต้องหรือมีเครื่องมือทำการประมงผิดกฎหมาย เช่น เรืออวนลาก อวนรุน และเรือปั่นไฟ เท่านั้นที่จอดลอยลำเทียบท่าเกือบ 1,000 ลำ
ส่วนกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการประมงยังคงเปิดทำการตามปกติ ไม่หยุดกิจการทั้งระบบตามที่ประกาศไว้ โดยที่ท่าเทียบเรือประมงใหม่ยังคงมีเรือประมงถูกกฎหมาย เช่น เรืออวนดำ นำสินค้าสัตว์น้ำมาส่งแพปลารวมทั้งลงน้ำแข็งตามปกติ แต่บรรยากาศไม่คึกคักเหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากแพปลาบางส่วนปิดกิจการเพราะเรือหยุดวิ่ง
ด้าน นายประพร เอกอุรุ นายกสมาคมประมง จ.สงขลา เปิดเผยว่า มีเรือที่จำเป็นต้องจอดเทียบท่าประมาณ 800-900 ลำ หรือกว่าร้อยละ 90 ของเรือประมงพาณิชย์ในสงขลา ส่วนเรือที่ถูกกฎหมายประมาณ 100 ลำ หรือร้อยละ 10 ยังคงออกทำการได้โดยอ้างว่าส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ทั้งแรงงานที่ว่างงาน แพปลา โรงงานแปรรูสัตว์น้ำ จึงยังคงเรียกร้องให้รัฐบาลผ่อนปรนให้เรือประมงผิดกฎหมาย
ขณะที่ จ.ตรัง เรือประมงจำนวนมากยังคงหยุดเดินเรือเช่นกัน นายสมพล จิโรจน์มนตรี นายกสมาคมประมงกันตัง เปิดเผยว่า มาตรการของรัฐบาลที่จะบังคับใช้กฎหมายทุกอย่างเข้มงวด ทำให้เรือประมงจนไม่สามารถออกทะเลได้ โดยยอมรับว่าปัญหาใหญ่ที่สุดคือเรือประมงในประเทศไทย มีอาชญาบัตรผิดประเภทเพราะส่วนใหญ่เป็นเรืออวนลาก แต่รัฐไม่มีการออกอาชญาบัตรอวนลากมาตั้งแต่ปี 2539 ทำให้เรือเหล่านี้ไม่มีใบอนุญาต ผู้ประกอบการเรือประมงจึงต้องจอดเรือเพื่อรอ
ส่วนที่ จ.พังงา มีข้อเรียกร้องต่างออกไปจากที่อื่นๆ โดยนายบุญชู แพใหญ่ นายกสมาคมประมงบ้านทับละมุ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา นำชาวประมงและผู้ประกอบการประมงยื่นหนังสือขอผ่อนผันแก่ ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอท้ายเหมือง เพื่อเรียกร้องให้ผ่อนผันข้อกฎหมายบางข้อ โดยเฉพาะเรื่องของบัตรประชาชนนายท้ายเรือและบัตรประชาชนช่างเครื่อง ที่ภาครัฐกำหนดให้เรือประมงทุกลำต้องมี ตามนโยบายการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย เพราะทำให้ชาวประมงบ้านทับละมุไม่สามารถที่จะออกเรือประมงเพื่อหาปลาในน่านน้ำได้
โดยนายบุญชู บอกว่า เรือประมงที่ทับละมุมี "ไต๋ก๋ง" เป็นทั้งนายช่างเครื่องและนายท้ายเรือ มีแรงงานต่างด้าวเป็นผู้ช่วยช่างเครื่องและผู้ช่วยนายท้ายมานานแล้ว เนื่องจากไม่มีคนไทยมาทำงานประมงและออกเรือ ทำให้ตามปกติแล้วไต๋เรือจะนำเรือออกเป็นคนไทยเพียงคนเดียว แต่เมื่อมีกฎระเบียบออกมาให้นายท้ายเรือเป็นคนละคนกับช่างเครื่องและต้องเป็นคนไทยเท่านั้น จึงเกิดปัญหา ชาวประมงและผู้ประกอบการประมงรวมตัวกันเพื่อขอให้ทางเจ้าหน้าที่เห็นใจและสำหรับที่ทับละมุเรียกร้องให้รัฐผ่อนผันเพียงประเด็นเดียวเท่านั้น ส่วนข้ออื่นๆ ทางชาวประมงและผู้ประกอบการประมงได้ปฏิบัติตามนโยบายอยู่แล้ว
