ชี้บังคับเด็กตรวจเลือดก่อนเข้าเรียน “ละเมิดสิทธิผู้ป่วย” (คลิป)

จากกรณีเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี ออกมาเปิดเผยว่าพบเด็กถูกโรงเรียนแห่งหนึ่ง บังคับให้ตรวจเลือดก่อนเข้าเรียน หลับพบว่าพ่อและแม่ของเด็กเป็นผู้ติดเชื้อ ซึ่งทางเครือข่ายมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิ และแสดงออกถึงการปฏิเสธผู้ติดเชื้อ ไม่ให้อยู่ร่วมกับคนในสังคมตามปกตินั้น  

วันนี้ (14 มี.ค. 2559) เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี ได้หยิบยกเรื่องดังกล่าวขึ้นมาเป็นประเด็น เรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการ ออกมาตรการที่ชัดเจน กรณีเกิดการปฏิเสธผู้ติดเชื้อไม่ให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม

เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี บอกว่ากรณีที่ผู้ติดเชื้อจะถูกบังคับให้ตรวจเลือด ไม่ใช่เพิ่งเกิดเป็นครั้งแรก เพราะที่ผ่านมามีผู้เข้าร้องเรียน เกี่ยวกับการถูกบังคับให้ตรวจเลือดจำนวนมาก แม้ที่ผ่านมาเครือข่ายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะพยายามรณรงค์ว่าผู้ติดเชื้อคือบุคคลปกติ ไม่ใช่ผู้ป่วยหรือเป็นบุคคลน่ารังเกียจ แต่ยังไม่สามารถลบอคตินี้ออกไปจากสังคมได้

ในปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีมากถึงกว่า 1 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น แม้ในสังคมจะไม่มีกฎหมาย คำสั่ง หรือประกาศ ปฏิเสธพวกเขาเหล่านี้เข้าทำงานหรือเข้าเรียน แต่ด้วยอคติที่มีทำให้ผู้ติดเชื้อจำนวนไม่น้อย กลายสภาพเป็นบุคคลด้อยโอกาสไปอย่างปฏิเสธไม่ได้ วันนี้เครือข่ายจึงต้องการเรียกร้อง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมามาตรการที่ชัดเจน สั่งห้ามไม่ให้ปฏิเสธผู้ติดเชื้อเข้าทำงานหรือเข้าเรียน

ทั้งนี้ สำหรับการแก้ปัญหาบังคับตรวจ เลือดก่อนเข้าศึกษาหรือการเลือกปฏิบัตินั้น  กระทรวงสาธารณสุข เพิ่งมีนโยบายรณรงค์ลดการเลือกปฏิบัติ ไปเมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยหลังจากนี้จะนำข้อเรียกร้องดังกล่าว ไปพิจารณาให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด