วันนี้ (11 เม.ย. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เปิดโครงการอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับโครงการตรวจสอบรถรับจ้างสาธารณะ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ลงพื้นที่ตรวจสอบสารเสพติดพนักงานขับรถแท็กซี่ ที่ให้บริการประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
โดยพนักงานขับรถแท็กซี่ทุกคนจะต้องเป่าเครื่องวัดระดับแอลกอฮอล์ และจะมีใบเสร็จอ่านค่า โดยผลการวัดจะต้องเท่ากับ 0 หรืออยู่ในระดับที่กฏหมายกำหนด จากนั้นต้องนำมิเตอร์มาตรวจสอบความเที่ยงตรง และเข้าด่านตรวจปัสสาวะเพื่อตรวจสารเสพติด ก่อนจะออกให้บริการ
ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในโครงการตรวจสอบพนักงานขับแท็กซี่ เพื่อสร้างความมั่นใจและรองรับการให้บริการนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่กรมการขนส่งทางบก ร่วมกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จัดขึ้น
ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ มีผู้โดยสารใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอยู่ที่ประมาณ 165,000 คน แม้ว่าลดลงจากปีที่ผ่านมา แต่ก็ถือว่าผู้โดยสารหนาแน่นทุกวัน โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้เตรียมแผนรองรับผู้โดยสารแล้ว โดยเฉพาะรถแท็กซี่ ที่จะเกณฑ์จากหลายจุดมาให้บริการที่นี่
ส่วนความพร้อมของพนักงานขับรถ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ระบุว่าได้ร่วมเปิดปฏิบัติการและลงพื้นที่ตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะของพนักงานขับรถ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ และรณรงค์ให้ผู้ที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนา ไม่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการลักลอบขนยาเสพติด ด้วยการไม่รับฝากของจากคนแปลกหน้า
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ย้ำว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ กรมการขนส่งทางบกตั้งเป้าหมายลดอุบัติเหตุของรถโดยสารสาธารณะที่มีสาเหตุมาจากตัวรถหรือพนักงานขับรถให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด โดยเน้นมาตรการพนักงานขับรถทุกคนไร้สารเสพติด แอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์ หากตรวจพบ จะสั่งห้ามขับรถและให้เปลี่ยนพนักงานขับรถ พร้องส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดี
การตรวจสอบการให้บริการรถแท็กซี่ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในรอบ 6 เดือน ตั้งแต่ ตุลาคม 2558 ถึงมีนาคม 2559 พบแท็กซี่ทำผิดรวม 836 คน ส่วนใหญ่เป็นความผิดเกี่ยวกับสภาพรถไม่พร้อม ไม่ตรวจรอบมิเตอร์ตามระยะเวลาที่กำหนด และมีเพียง 26 คน ที่ฝ่าฝืนไม่ใช้มิเตอร์ และอีก 16 คน ปฏิเสธผู้โดยสาร