ข้อมูลตั้งต้นในการติดตาม หากตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวถือว่าสมบูรณ์ระดับหนึ่ง ทีมข่าว PPTV ได้รับข้อมูลชุดนี้จากกรมควบคุมมลพิษ ระบุว่า จังหวัดสมุทรสาครและพื้นที่โดยรอบมีโรงงานหลอมอลูมิเนียมอยู่กว่า 20 แห่ง ในตัวจังหวัดเอง ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอ และอำเภอกระทุ่มแบน ส่วนพื้นที่รอบนอกก็ตั้งอยู่ในจังหวัดใกล้เคียง ทั้งราชบุรี และกาญจนบุรี หากเกิดเหตุเช่นนี้ โรงงานเหล่านี้ล้วนอยู่ในข่ายที่ต้องตรวจสอบ
ส่วนการลักลอบทิ้งตะกรันอลูมิเนียม ก็ล้วนเกิดขึ้นในพื้นที่เดิมๆซ้ำอยู่ตลอด อย่างเช่นสมุทรสาคร ก็เคยถูกลักลอบทิ้งหลายครั้ง ทั้งในอำเภอเมืองและบ้านแพ้ว จังหวัดใกล้เคียงอย่างนครปฐม ก็เคยเกิดขึ้นในอำเภอกำแพงแสน ราชบุรีเคยเกิดที่อำเภอปากท่อ ข้ามฟากไปอีกฝั่งตะวันออกก็เกิดบ่อยในจังหวัดชลบุรี ปราจีนบุรี หรือแม้แต่ปทุมธานี เกือบทั้งหมด ไม่สามารถตามหาผู้ก่อเหตุลักลอบทิ้งมารับผิดชอบได้ ส่งผลท้ายที่สุด ภาระในการกำจัดตกลงเป็นจังหวัดหรือไม่ก็ท้องถิ่น
อย่างเช่นเหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่กรมควบคุมมลพิษมีข้อมูลอยู่ คือ การลักลอบทิ้งตะกรันอลูมิเนียม ที่หมู่ 6 ตำบลโรงเข้ อำเภอบ้านแพ้ว เมื่อปี 2558 กว่า 600 ต้น เมื่อไม่สามารถตามหาผู้ก่อเหตุได้ ก็ต้องใช้งบประมาณของอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทราสาครกำจัด เพราะไม่สามารถปล่อยทิ้งไว้ได้ เนื่องจากกากอุตสากรรมชนิดนี้ สามารถทำปฏิกริยากับน้ำและความชื้น ส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบหายใจของคนในพื้นที่ได้
แม้ตอนนี้กรมควบคุมมลพิษจะไม่มีข้อมูลความเสียหายของรัฐจากเหตุการณ์ลักษณะนี้ชัดเจนว่า ทั้งหมดเคยจ่ายรวมไปแล้วเท่าไหร่จากหลายเหตุการณ์ แต่ทีมข่าว PPTV ก็ได้รับข้อมูลจากโรงงานรับกำจัดแห่งหนึ่ง ค่าใช้จ่ายในการกำจัดอย่างถูกวิธี จะอยู่ที่ราวตันละ 4,500 บาท หากนำมาคิดกับเหตุการณ์ที่บ้านแพ้วคือ 600 ตัน ค่าใช้จ่ายจากกรณีนี้เหตุการณ์ก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,700,000 บาท
พบระบบติดตามการกำจัดกากอุตสาหกรรม มีช่องโหว่
เป็นที่รับรู้กันว่า การลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมจะทำให้ผู้รับผิดชอบในการกำจัดลดต้นทุนได้อย่างมาก มีองค์กรหนึ่งคือ มูลนิธิบูรณะนิเวศ เคยพยายามศึกษาว่าสาเหตุใด จึงเกิดการลับลอบทิ้งของเสียเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายและบ่อยครั้ง จนพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ระบบการติดตามของกรมโรงงานอุตสาหกรรมอาจมีช่องโหว่
ตามระบบการกำจัดกากอุตสาหกรรม ปัจจุบัน กรมโรงงานอุตสาหกรรม ใช้ระบบออนไลน์ในการรับเรื่องจาก ผู้ก่อกำเนิดของเสียอันตราย ซึ่งในทีนี้ก็หมายถึงโรงงานอุตสากรรม แม้ข้อกำหนดจะบังคับให้แจ้ง แหล่งทิ้งของเสีย ปริมาณ และชื่อของบริษัทที่จะเป็นผู้รับเหมานำไปกำจัด
แต่ในทางปฏิบัติ การดำเนินการจะทำโดย โรงงานเจ้าของกากของเสียและผู้รับเหมากำจัดของเสีย โดยไม่ได้ตรวจสอบว่า บริษัทดำเนินการตรงตามข้อมูลที่แจ้งไว้หรือไม่ เจ้าหน้าที่มูลนิธิบูรณะนิเวศ คนนี้ชี้ว่า นี่คือช่องโหว่ที่เกิดจากระบบการทำงานของหน่วยงานราชการที่ยังไม่มีระบบติดตามที่ดีพอ
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด