กว่า 8 ชั่วโมงของความวุ่นวายภายในเรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี แม้ท้ายที่สุดจะควบคุมสถานการณ์ได้ และยุติลงด้วยการโยกย้ายผู้ต้องขังกว่า 300 คน ไปฝากขังไว้ยังเรือนจำใกล้เคียงเคียง แต่กลับมีเงื่อนปมสำคัญที่ทิ้งไว้ เมื่อมีกระแสข่าว ปรากฎชื่อของนายมูฮัมหมัด อันวัร หะยีเต๊ะ หรือ อันวาร์ เป็นหนึ่งในแกนนำผู้ต้องขังก่อเหตุชุลมุน
รอมือละห์ เป็นภรรยาของอันวาร์ เธอไม่เชื่อว่า สามีจะทำเช่นนั้น เพราะทุกครั้งที่มีโอกาสพบกันในช่วงที่อันวาร์ถูกคุมขัง ไม่เคยแสดงออกว่ามีความอึดอัดจนถึงขั้นต้องใช้ความรุนแรง การถูกกล่าวหาเช่นนี้ จึงถือเป็นความบอบช้ำที่ครอบครัวต้องเผชิญอีกครั้ง ทั้งที่ตลอดหลายปีมานี้ เธอเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เพื่อพิสูจน์ความจริงว่า อันวาร์ ไม่มีทางเป็นแนวร่วมกลุ่มบีอาร์เอ็น เพราะเมื่อครั้งมีอิสรภาพ เขาเป็นคนหนึ่ง ที่ขับเคลื่อนเรียกร้องให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เกิดสันติภาพ
อันวาร์ ถูกศาลพิพากษาจำคุก 12 ปี จากการถูกกล่าวหาว่า เป็นแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบ จากการถูกซัดทอดว่ามีส่วนในการก่อเหตุฆ่าตัดคอตำรวจเมื่อปี 2548 จนทำให้เกิดกระแสร้องขอความเป็นธรรมให้อันวาร์ โดยการส่งต่อข้อความว่า ฟรีอันวาร์ในโลกออนไลน์ เพราะนอกจากในสำนวนคดีจะไม่ปรากฎหลักฐานอื่นชัดเจน นอกจากคำให้การซัดทอด คนที่เคยทำงานร่วมกันอันวาร์ ก็ต่างออกมายืนยันว่า คนอย่างอันวาร์ ไม่นิยมความรุนแรง
ทั้งนี้ คดีความของอันวาร์ถือว่าสิ้นสุดแล้วของกระบวนในชั้นศาล แต่ข้อกล่าวหาว่า เขาเป็นแกนนำก่อเหตุจลาจลในเรือนกลางจังหวัดปัตตานี ปลัดกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่า จากการพูดคุยกับผู้บัญชาการเรือนจำ 5 แห่งในจังหวัดชายแดนใต้ อันวาร์ คือ ตัวกลางที่ช่วยเจ้าหน้าที่สื่อสารกับผู้ต้องขังเป็นภาษาถิ่นเพื่อระงับเหตุ
อันวาร์มีบทบาทโดดเด่นในการทำงานภาคประชาสังคม ในฐานะเป็นผู้ก่อตั้งสำนักสื่อบุหงารายา เพื่อเป็นช่องทางสื่อสารข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ต่างที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เป็นภาษาถิ่น โดยเฉพาะหลังเขาตกเป็นผู้ต้องหาในดคีความมั่นคง จนเกิดการยอมรับของคนทำงานองค์กรภาคประชาชนสังคมในพื้นที่อย่างมาก มาถึงวันนี้อาจบอกได้ยากว่า เขาเป็นแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบหรือไม่ แต่คนที่เคยร่วมงานด้วยต่างเชื่อว่า หากเขานิยมความรุนแรง ก็คงไม่มีใครเคยเห็น อันวาร์ต่อสู้ด้วยตัวอักษรและปากกาเหมือนที่ผ่านมา