วันนี้ (22 ส.ค. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อิทธิพลจากพายุเตี้ยนหมู่ส่งผลให้เกิดคลื่นสูง 2-4 เมตร ซัดกระหน่ำเข้าที่ชายหาดเกาะคอเขา ในจังหวัดพังงา ทำให้รีสอร์ทและบังกะโลริมชายหาด ตลอดจนบ้านเรือนของประชาชนตามแนวชายฝั่งเสียหายกว่า 7 หลังคาเรือน รวมทั้งต้นสนและต้นมะพร้าวขนาดใหญ่ก็ถูกคลื่นซัดจนล้มลงตามแนวชายหาดจำนวนหลายต้น ด้านผู้ประกอบการรีสอร์ทได้นำเอาแท่งซีเมนต์ขนาดใหญ่มาวางเรียงกันตลอดแนวชายหาดเพื่อชะลอความแรงของคลื่น ขณะที่ผู้ประกอบการบางรายต้องปิดให้บริการชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว พร้อมวอนหน่วยงานภาครัฐสร้างแนวป้องกันคลื่นอย่างเร่งด่วน
ส่วนที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี ผู้ประกอบการโรงแรมและรีสอร์บริเวณชายหาดละไม ตำบลมะเร็ต ได้นำป้ายมาปักเตือนนักท่องเที่ยวที่ลงเล่นน้ำทะเลให้ระวังแมงกระพรุนเนื่องในช่วงฤดูมรสุม หลังพบนักท่องเที่ยวถูกพิษของแมงกะพรุนที่บริเวณขาทั้ง 2 ข้างจนเกิดรอยแดงไหม้ พร้อมทั้งนำน้ำส้มชายชูมาเตรียมไว้ตามจุดต่างๆบริเวณริมชายหาดเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเบื้องต้นได้ทันท่วงที
ส่วนที่จังหวัดเพชรบูรณ์ หลายพื้นที่ได้รับอิทธิพลจากพายุโซนร้อนเตี้ยนหมู่ แต่ส่งผลดีแก่พื้นที่ทางการเกษตรเป็นวงกว้าง รวมถึงแหล่งเก็บกักน้ำน้อยใหญ่ต่างมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยนายวิทยา ประทีปรัตน์ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 โครงการชลประทานเพชรบูรณ์ ระบุว่า อ่างเก็บน้ำคลองลำกงมีปริมาณน้ำเก็บกักอยู่ที่ 38 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 79 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่างทั้งหมด ซึ่งคาดว่าปีนี้น้ำต้นทุนดีกว่าปีที่ผ่านมาและเชื่อว่าจะสามารถบริหารจัดการส่งน้ำให้กับภาคการเกษตรและอุปโภคบริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ