จากการสำรวจของสายด่วนกรมสุขภาพจิต ปี 59 พบว่า ปัญหาความเครียดหรือวิตกกังวล เป็นปัญหาสำคัญอันดับ 1 ของสตรีวัยแรงงาน ตามด้วยปัญหาทางจิตเวช ปัญหาความรัก และปัญหาเกี่ยวกับการทำงาน นอกจากนี้ยังพบว่า โรคซึมเศร้า กลายเป็นสาเหตุอันดับ 1 ของการสูญเสียปีสุขภาวะ จากความเจ็บป่วยและพิการของหญิงไทย
ม.ล.ปุณฑริกา สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า แรงงานสตรีถือเป็นแรงงานที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาองค์กรและประเทศ ปัจจุบันมีแรงงานสตรีไทยถึง 27 ล้านคน หรือเกือบครึ่งหนึ่งของแรงงานไทยที่มีจำนวน 60.5 ล้านคน อย่างไรก็ตามความเครียดและโรคซึมเศร้า กำลังเป็นภัยเงียบของสตรีวัยทำงาน ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพการทำงาน
นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กร สสส. กล่าวว่า แนวทางการเสริมสร้างสุขภาวะสตรีวัยทำงานต้องทำคู่ขนาน 2 ด้านคือ 1.การสร้างการรับรู้และทัศนคติที่ดี ในการพัฒนาคุณภาพแรงงานสตรีทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง และกระทรวงแรงงาน เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนนโยบายที่สอดคล้อง กับบริบทและลักษณะงานที่แตกต่างกัน และ 2.การส่งเสริมสถานประกอบการ ให้ปรับปรุงสิ่งที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตสตรีในที่ทำงาน สนับสนุนข้อมูลข่าวสาร ที่ปรึกษาในการแก้ปัญหาสุขภาพกายและจิตที่สตรีสามารถเข้าถึงได้
ด้าน แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต เสถียรธรรมสถาน กล่าวว่า สำหรับชุดความรู้ที่เหมาะสำหรับสตรีทุกกลุ่ม เพื่อรับมือกับทุกสภาวะที่ต้องเผชิญในชีวิต ประกอบด้วย 5 ชุดความรู้ ได้แก่ อานาปานสติภาวนา หลักสูตรพื้นฐานสำหรับปลุกหัวใจทุกคน ใช้ลมหายใจเป็นศิลปะในการดำรงชีวิต จิตประภัสสรตั้งแต่นอนอยู่ในครรภ์ สำหรับสตรีตั้งครรภ์เพื่อสร้างเซลล์สมองให้กับลูก โรงเรียนพ่อแม่ สำหรับสตรีที่มีลูกแรกเกิด-วัยรุ่น เพื่อสร้างสติ เลี้ยงลูกอย่างที่ลูกเป็น ส่งเสริมพัฒนาตามวัยและปรับพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ธรรมชาติบำบัด สำหรับสตรีที่ป่วยหรืออยู่ในฐานะดูแลผู้ป่วยและผู้สูงวัยในครอบครัว และ จิตปรึกษา หลักสูตรสำหรับสตรีมีความเครียดทั่วไป ไปจนถึงผู้ป่วยจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า ไบโพล่า จิตเภท รวมถึงสตรีที่มีบุคคลในครอบครัวมีภาวะดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาเครื่องมือในการเรียนรู้ ได้แก่ วิถีแห่งสติ กิจกรรมศิลปะแห่งสติ การเล่นบทบาทสมมุติเมื่อเผชิญภาวะวิกฤติชีวิตสตรี และ เรื่องเล่าเร้าพลัง รวมถึงสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ อาทิ คลื่นเสียงบำบัดด้วยคริสตัลโบว์ เป็นต้น