สายฝนที่โปรยปรายมาตั้งแต่กลางดึกต่อเนื่องจนถึงช่วงสายของวันนี้ (8 พ.ย.59) ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อประชาชนที่ตั้งใจมาเพื่อเข้ากราบถวายสักการะ เบื้องหน้าพระโกศ พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพระบรมมหาราชวัง เลยแม้แต่น้อย เช่นเดียวกันกับช้างทั้ง 11 เชือก และ ผู้เลี้ยงช้างจากทั่วประเทศกว่า 200 คน ที่เดินทางจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเข้ามายังกรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าถวายความอาลัยแด่พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งของพวกเขา
ขบวนช้างงางามทั้ง 11 เชือก นำขบวนโดยพลายวัง อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กับพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ พระยาช้างเผือกประจำรัชกาลที่ 9 จากบริเวณหน้ากระทรวงกลาโหมมาที่ด้านหน้าประตูมณีนพรัตน์ ด้วยท่าเดินยกขาหน้าสูง พร้อมชูงวง อันเป็นท่วงท่าเดินที่สง่างาม ซึ่งมีเสียงปี่และกลองของจิตอาสาต่างชาติที่บรรเลงให้จังหวะการเดิน จากนั้น ได้ยืนแสดงความอาลัยและหมอบกราบที่บริเวณหน้าประตูมณีนพรัตน์ พระบรมมหาราชวัง ท่ามกลางการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี นอกจากควาญช้างชาวไทยแล้ว ยังมีชาวต่างชาติ ทั้งยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย ที่เดินทางมาเรียนรู้นานหลายปี เพื่อฝึกฝนเป็นควาญช้างตามแบบฉบับโบราณของไทย ร่วมในขบวนด้วย
นายลายทองเหรียญ มีพันธ์ ประธานมูลนิธิพระคชบาล ระบุว่า การมาถวายความอาลัยครั้งนี้ ช้างทุกเชือกที่เข้าร่วมได้ ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี โดยใช้วิชาตามตำราหลวงชั้นสูง ในการฝึกซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย
โดยช้างทุกเชือกจะแต่งกายด้วยเครื่องคชภรณ์ สีดำและขาว ขลิบลายทอง คลุมหน้า หลัง เท้า และสนับงา ตามตำราคชศาสตร์ ที่ได้รับการคัดเลือกมาเป็นพิเศษจากพ่อพันธุ์ชั้นดีของศูนย์เพาะขยายพันธุ์ช้างไทย วังช้างอยุธยาแลเพนียด ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก
ด้านพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฝากย้ำเตือนประชาชน ที่มากราบถวายสักการะพระบรมศพ ให้ระวังทรัพย์สินมีค่า หลังพบว่าที่ผ่านมามีผู้ถูกล้วงกระเป๋าขโมยทรัพย์สิน จึงเตือนให้ประชาชนนำกระเป๋ามาไว้ด้านหน้าเพื่อป้องกันมิจฉาชีพ ที่ฉวยโอกาสในช่วงเวลานี้
สำหรับบรรยากาศในขณะนี้ที่พระบรมมหาราชวัง และท้องสนามหลวงฝนได้หยุดตกแล้ว ทำให้มีประชาชนเดินทางมาเพื่อเข้าถวายความอาลัยอย่างต่อเนื่อง