ถนนทางหลวงหมายเลข 118 สายเชียงใหม่ – เชียงราย ในพื้นที่ อ.ดอกสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มักเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง สาเหตุสำคัญไม่เพียงเกิดจากสภาพถนนที่เป็นทางลาดชันขึ้นลงเขา และมีจำนวนโค้งอันตรายหลายจุดเท่านั้น แต่ยังเกิดจากการไม่ปฏิบัติตามป้ายคำเตือนต่างๆ โดยเฉพาะการใช้ความเร็วที่ไม่เหมาะสมกับสภาพถนน ทำให้ผู้ขับขี่โดยเฉพาะผู้ที่ไม่คุ้นชินเส้นทาง มักประสบอุบัติเหตุและนำมาซึ่งความสูญเสียที่รุนแรง
จากการลงพื้นที่สำรวจสภาพถนนพบว่า ถนนเส้นนี้เป็นทาง 2 เลน รถสัญจรวิ่งสวนกันระหว่างขาขึ้นและขาล่อง และด้วยลักษณะทางภูมิประเทศของภาคเหนือตอนบน จึงมีทางลาดชัดและโค้งค่อนข้างมาก ผู้ใช้รถต้องให้ความระมัคระวังในการขับขี่ โดยเฉพาะในช่วงฝนตกถนนจะลื่นกว่าปกติ ระหว่างเดินทางไปยังจุดอันตรายทีมงาน พบรถกระบะของบริษัทแห่งหนึ่ง เสียหลักแหกโค้งตกถนนบริเวณ กม.ที่ 32 พนักงานขับรถเล่าว่า ระหว่างขับรถเข้าโค้งได้เหยียบเบรก และท้ายรถปัดไถลตกข้างทางเพราะถนนลื่น เคสนี้โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และคณะทำงานแผนงานสนับสนุนการป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด (สอจร.) ในพื้นที่ที่ระบุว่าถนนเส้นนี้อันตราย
รศ.ลำดวน ศรีศักดา ผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนอุบัติเหตุทางถนน ภาควิชาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ย้ำว่าด้วยลักษณะภูมิประเทศประกอบกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ทำให้ถนนเส้นนี้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในช่วง กม. ที่ 53 หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ดอยนางแก้ว” เป็นจุดที่สูงสุดของถนน สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางถึง 1,000 เมตร เมื่อผ่านจุดนี้จะเป็นทางลงเขาลาดชัน ซึ่งต่ำกว่าจุดสูงสุดถึง 400 เมตร ต่อเนื่องรวมระยะทางกว่า 10 กม. ทำให้ผู้ขับขี่โดยเฉพาะรถขนาดใหญ่ที่ไม่คุ้นชินเส้นทาง และขับรถโดยใช้เบรกเพียงอย่างเดียวและใช้เกียร์ที่ไม่เหมาะสม มักประสบปัญหาเบรกไม่ทำงาน เกิดอุบัติเหตุแหกโค้งพุ่งตกถนนในที่สุด ส่วนรถยนต์ขนาดเล็กที่ส่วนใหญ่ผู้ขับขี่ มักไม่ชะลอความเร็วก่อนเข้าโค้ง เมื่อรถพุ่งมาด้วยความเร็วทำให้เวลาแตะเบรกในช่วงกลางโค้ง โอกาสที่รถจะหมุนเสียหลักตกถนนหรือพุ่งชนก็สูงตามไปด้วย
“ช่วง กม.ที่ 43 ไปถึงดอยนางแก้ว กม.ที่ 53 เป็นทางลาดชัด ซึ่งมีความจำกัดการออกแบบถนนตั้งแต่ต้น ทำให้โค้งบริเวณค่อนข้างแคบตลอดทาง”
ผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนอุบัติเหตุทางถนน ระบุว่าสำหรับแนวทางป้องกันแก้ไขอุบัติเหตุระยะยาวนั้น เนื่องจากจุดอ่อนของถนนเส้นนี้ เกิดจากขั้นตอนการออกแบบและก่อสร้างตั้งแต่ต้น แขวงทางหลวงจึงมีแผนขยายถนนเป็นสี่เลน แต่เนื่องจากเส้นทางยังเป็นแนวเดิม ทำให้จุดเสี่ยงบริเวณทางโค้งยังคงมีอยู่ แม้จะช่วยลดความอันตรายลงได้บ้างเล็กน้อย ส่วนในระยะสั้นเนื่องจากถนนเส้นนี้ มีการติดป้ายเตือนและเครื่องหมายจราจรค่อนข้างครบถ้วน ดังนั้น ผู้ขับขี่โดยเฉพาะคนที่ไม่คุ้นชินเส้นทาง จะต้องเชื่อและปฏิบัติตามป้ายเครื่องหมาย ที่สำคัญมากคือการใช้ความเร็วขณะเข้าโค้ง และการใช้เกียร์ต่ำในเส้นทางลาดชัน
“นอกจากโครงการปรับปรุงถนน และรณรงค์ปฏิบัติตามป้ายต่างๆ เนื่องจากผู้ขับขี่ใช้ความเร็วค่อนข้างสูง เร็วๆ นี้จะมีการนำเทคโนโลยีตรวจจับความเข้ามาใช้ เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนตระหนักถึงการเคารพกฎจราจร และอันตรายจากการใช้ความเร็วที่ไม่เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง”
จากสถิติคดีการเกิดอุบัติเหตุของ สภ.ดอยสะเก็ด พบว่าในช่วงระหว่างเดือน ก.ย. 2558 – 2559 เกิดอุบัติเหตุในพื้นที่รับผิดชอบมากถึง 201 คดี ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 17 คน
พ.ต.อ.พงษ์พีระ การะเกตุ ผกก. สภ.ดอยสะเก็ด บอกว่า ในช่วงฤดูฝนเกิดเหตุรถตกข้างทางทุกวัน วันละไม่ต่ำกว่า 1-2 กรณี ถ้าเป็นรถเล็กส่วนใหญ่ความสูญเสีย มักไม่ค่อยรุนแรงแต่หากเป็นรถขนาดใหญ่ โดยเฉพาะรถทัวร์ไม่ประจำทางจะมีผู้เสียชีวิตหลายราย ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เกิดเหตุใหญ่ประมาณ 3 กรณี ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2558 เกิดเหตุรถทัวร์เช่าเหมาลำ คณะนักท่องเที่ยวจีนสัญชาติมาเลเซีย แหกโค้งตกถนนพุ่งชนโขดหินริมทาง เคสนี้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 14 ราย
“ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ประสานกับแขวงการทางที่รับผิดชอบ ให้เข้ามาติดตั้งป้ายและสัญญาตเตือนต่างๆ ส่วนในช่วงที่ฝนตกเจ้าหน้าที่ก็จะนำรถวิทย์ ออกไปเปิดไฟสัญญาณแจ้งเตือนผู้ขับขี่ สามารถช่วยลดอุบัติเหตุลงได้ส่วนหนึ่ง แต่ในระยะยาวเนื่องจากสาเหตุเกิดจากการใช้ความเร็ว คาดว่าก่อนสิ้นปีนี้จะสามารถติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็ว 5 จุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งแล้วเสร็จ อุปกรณ์เหล่านี้ภาคีป้องกันอุบัติเหตุเชียงใหม่ ขอทุนไปยัง Safer Road Foundation ประเทศอังกฤษซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาสนับสนุนงบประมาณ”
ป้าเกี๋ยง นิลวรรณ ชาวบ้านผู้เคราะห์ร้ายรถทัวร์เช่าเหมาลำจากมาเลเซีย แหกโค้งพุ่งตกถนนชนหินหน้าปากทางเข้าบ้าน มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10 ราย เหตุการณ์นี้แม้จะผ่านมากว่า 10 เดือนแล้ว แต่เธอยังเล่าให้ฟังด้วยแววตาที่จดจำเรื่องราวได้ดี
“ตั้งแต่อยู่มาตรงหน้าบ้านป้าไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเลย แต่เมื่อปีที่แล้วก่อนสิ้นปีรถทัวร์นักท่องเที่ยวมาเลเซีย แหกโค้งมาชนโขดหินหน้าบ้านป้า เสียงดังโครมครามป้าตกใจมากรีบวิ่งออกมาดู เห็นคนกระเด็นออกมากองกันที่พื้น และร้องอย่างเจ็บปวดป้าก็ฟังไม่ออก แต่บอกว่าเดี๋ยวไปบอกตำรวจให้มาช่วย จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ป้อมตำรวจแล้วแจ้งให้คนมาช่วย”
สุดท้าย เธอฝากบอกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าในอนาคต หากมีมาตรการแก้ไขปรับปรุงถนนให้ปลอดภัยมากขึ้น ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะช่วยให้อุบัติเหตุลดน้อยลง และชาวบ้านเองก็จะมีความปลอดภัยมากขึ้น