ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังรัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งหนึ่งในมาตรการช่วยเหลือในเรื่องนี้คือการปล่อยกู้โครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ของธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ซึ่งแต่ละธนาคารได้เตรียมวงเงินไว้ธนาคารละ 5,000 ล้านบาท โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับสินเชื่อไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย ดอกเบี้ยคงที่ 0.85 % ต่อเดือน หรือ 10 % ต่อปีตามหลักประกัน ผ่อนชำระไม่เกิน 5 ปี
ทั้งนี้ มีหลายพื้นที่ ประชาชนที่ทราบข่าวต่างออกมาขอสินเชื่อ โดยที่จังหวัดพิจิตร บรรยากาศที่ ธ.ก.ส.สาขาอำเภอเมืองพิจิตร เต็มไปด้วยความคึกคัก ประชาชนผู้มีรายได้น้อย และมีหนี้สินนอกระบบ ตื่นตัวมาติดต่อสอบถามระเบียบการลงทะเบียนขอเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก
ขณะที่ บรรยากาศ ธ.ก.ส. สาขานครราชสีมา เริ่มมีประชาชนทยอยเดินทางมาขอสินเชื่อกันบ้างแล้ว โดยในส่วนของ ธ.ก.ส.จังหวัดนครราชสีมา จะรับผิดชอบปล่อยสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินให้กับผู้ที่ขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกร ผ่าน ธ.ก.ส.ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดทั้งหมด 37 สาขา ครอบคลุมทั้ง 32 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งวันนี้ก็มีเกษตรกรที่ได้รับข่าวสาร เริ่มมายื่นเอกสารและหลักฐานขอกู้สินเชื่อดังกล่าวบ้างแล้ว ส่วนในต่างอำเภอ ก็คาดว่าจะเริ่มตื่นตัวมากขึ้น
ส่วนที่จังหวัดพังงา เกษตรกรที่พังงา แห่ขอยื่นกู้โครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน โดยที่ ธ.ก.ส.สาขาพังงา ได้ตั้งโต๊ะไว้ให้บริการประชาชนที่เข้ารับบริการ เปิดกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท เพื่อนำมาปลดหนี้นอกระบบ และให้สินเชื่อแก่ผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อยที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉินเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนภายในครอบครัว เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียน