วันนี้ (23 มิ.ย.60) เกิดเหตุนักศึกษาพลัดตกลงไปในบ่อบำบัดน้ำเสีย ด้านหลังบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในซอยบางนา 20 บริเวณปากบ่อพบบันไดไม้ของพนักงานที่นำมาพาดลงไปในบ่อ โดยบ่อบำบัดน้ำเสียดังกล่าวมีความกว้างประมาณ 3 เมตร ลึก 2 เมตรกว่า มีน้ำเสียขังอยู่เกือบครึ่งบ่อ เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันสูบน้ำออกจากบ่อเพื่อค้นหา ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 2 คน หญิง 2 คน ในจำนวนนี้ คือ นางสาวปัญธิกา ตาสุวรรณ อายุ 23 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 5 คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเดินทางมาดูงาน นอกจากนี้ยังพบผู้บาดเจ็บอีก 1 คน ซึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เบื้องต้นร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดส่งตรวจพิสูจน์ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่ นายปริโสทัต ปุณณภุม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ซีพีเอฟ จำกัด บอกว่าวันนี้มีนิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2 คน เดินทางมาศึกษาดูงาน ในส่วนของขั้นตอนการพักน้ำเสีย ทางบริษัทมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมเป็นคนนำนักศึกษาไปดูขั้นตอนการทำงานต่างๆ ระหว่างนั้นนักศึกษาคนหนึ่งพลัดตกลงไปในบ่อบำบัดน้ำเสีย เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมจึงลงไปช่วย ก่อนจะจมหายไป พนักงานอีก 3 คน ก็รีบตามลงไปช่วย
สำหรับสาเหตุยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่านักศึกษาตกลงไปในบ่อได้อย่างไร เพราะปกติพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นหวงห้าม และมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดี โดยเฉพาะบริเวณปากท่อจะมีฝาปิด เมื่อไม่ได้ใช้งาน แต่วันนี้ไม่ทราบว่าขณะเกิดเหตุฝาท่อปิดหรือเปิดอยู่ ซึ่งจะสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง
หลังเกิดเหตุ ทางบริษัทฯ ได้ปิดกั้นบริเวณห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายใน ล่าสุดผู้อำนวยการงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจสอบปริมาณก๊าซพิษภายในบ่อบำบัดน้ำเสีย พบว่า ปริมาณก๊าซแอมโมเนียอยู่ในระดับ 42 พีพีเอ็ม และก๊าซไข่เน่าหรือก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ อยู่ที่ระดับ 11 พีพีเอ็ม ซึ่งปริมาณที่ตรวจพบก๊าซทั้งสองตัวถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เป็นอันตรายกับคน ส่วนฝาปิดบ่อพบว่าอยู่ในสภาพปกติ ไม่ร่องรอยการผลุกร่อน จึงยังสรุปไม่ได้ว่าพลัดตกลงไป หรือถูกเปิดทิ้งไว้ ต้องรอตรวจพิสูจน์อีกครั้ง
สำหรับความช่วยเหลือพนักงานที่เสียชีวิตทางบริษัทประกัน จ่ายค่าชดเชยตั้งแต่ 2 แสนถึง 1 ล้านบาท และทางบริษัทจะมีเงินพิเศษให้กับพนักงาน ส่วนกรณีนิสิตจุฬาลงกรณ์ ทางบริษัทมอบเงินจำนวน 1 ล้านบาท พร้อมจะเข้าพูดคุยกับครอบครัวเพื่อหาทางช่วยเหลือเพิ่มเติมต่อไป
