ก.ยุติธรรมเข้าช่วยเหลือน้องบีม สู้คดีทนายโกงเงินค่าเสียหาย


โดย PPTV Online

เผยแพร่




จนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถติดต่อ นายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความที่ฉ้อโกงเงินค่าเสียหาย ครอบครัว ด.ญ.ภัทรดา แก้วผ่อง หรือ น้องบีม ที่ประสบอุบัติเหตุรถชนจนเป็นเหตุให้ตัวเองพิการ เกือบ 5 ล้านบาท แต่อีกด้านหนึ่งวันนี้ก็ดูเหมือนจะมีความหวังมากขึ้น เมื่อกระทรวงยุติธรรมเข้ามาช่วยเหลือทางคดีเต็มตัวแล้ว

โฆษณาชิ้นนี้ได้รวบรวมเด็กๆร้องเพลง “เคเซลา เซลา” สะท้อนถึงถึงความรัก ความเข้มแข็ง ในการต่อสู้ชีวิตของคนพิการ หนึ่งในเด็กที่ร้องเพลงประสานเสียง คือ น้องบีม เด็กหญิงภัทรดา แก้วผ่อง ตอนนั้นเธอมีอายุเพียง 6 ขวบ น้องบีมเล่าให้ฟังว่า แม้เธอจะประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถขยับร่างกายส่วนล่างได้ แต่ไม่เคยท้อกับชีวิต เพราะยังมีแม่ค่อยให้กำลังใจมาตลอด 

ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีที่แล้ว น้องบีมประสบอุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถพ่วง 18 ล้อ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่งผลให้พ่อของน้องบีนเสียชีวิตทันที่ในที่เกิดเหตุ ส่วนแม่ บาดเจ็บ แขนและขาหัก และน้องบีมที่ในเวลานั้นอายุเพียงขวบเศษ ได้รับบาดเจ็บกระดูกทับไขสันหลัง กลายเป็นเด็กพิการเดินไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ 

ตลอดเวลาที่ผ่านมา น้องบีมต้องใช้ชีวิตกับแม่ 2 คน โดยมีรายได้จากการขาย เครื่องหอม ภายในวัดชลประทานรังสฤษดิ์ช่วงเย็นเท่านั้น เพราะแม่ไม่สามารถประกอบอาชีพอื่นได้  บางวันขายได้บ้าง ขายไม่ได้บ้าง เฉลี่ยมีรายได้เดือนละประมาณ 6,000-7,000 บาท ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่สูงเกือบเดือนละ 10,000 บาท


 
แม่น้องบีม เล่าว่า ระหว่างขายของอยู่ในวัด ได้พบกับ นายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ โดยบังเอิญ และเข้ามาสอบถามความเป็นอยู่ชีวิตจนรู้รายละเอียดคดีความ ที่กำลังฟ้องร้องระหว่าง บริษัทรถพ่วงคู่กรณี กับ ครอบครัวน้องบีน นายพิสิษฐ์ ได้อ้างตัวว่าเป็นทนายอาสาจากสภาทนายความ อยากจะช่วยเหลือเร่งรัดคดีให้เร็วขึ้น เพราะความเชื่อใจ และอยากให้คดีคืบหน้า จึงเดินทางไปที่ศาลจังหวัดไชยามอบอำนาจ ให้นายพิสิษฐ์ เป็นทนายความ แทนทนายคนเก่า หลังจากวันนั้น ทนายพิสิษฐ์ เป็นผู้ติดต่อเรื่องทุกเรื่องมาโดยตลอด

จนกระทั่งปี 2557 นายพิสิษฐ์ มาขอพบแม่น้องบีม ขอให้แม่ลงนามเขียนชื่อตัวเองในกระดาษเปล่า 3 ใบที่มุมล่างขวา อ้างว่าต้องนำลายเซ็นไปใช้ในขั้นตอนประสานงานกับศาล โดยที่ครอบครัวไม่รู้เลยว่า เอกสารนี้จะถูกนำไปใช้เป็นหนังสือยินยอมมอบอำนาจ และไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ศาลสั่งตัดสินให้บริษัทคู่กรณีชดใช้เงินเสียหายให้เธอแล้ว 4,900,000 บาท
หลังจากเหตุการณ์นั้น ทนายความขอนัดพบแม่น้องบีมอีกครั้ง โดยอ้างว่า บริษัทคู่กรณีล้มละลาย แต่ตนเองได้พยายามเจรจาช่วยเหลือจ่ายเงินเยียวยาให้ได้ 1 ล้านบาท โดยจะแบ่งจ่ายเป็นงวด งวดละ 40,000 บาท แต่ได้รับเพียง 7 งวดเท่านั้น  แม่น้องบีม จึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปสอบถามข้อเท็จจริงจาก บริษัทคู่กรณี จนรู้ว่าบริษัทจ่ายเงินผ่านทนายความไปแล้ว 5 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม ครั้งสุดท้ายที่ครอบครัวน้องบีม ติดต่อกับนายนายพิสิษฐ์ คือหลังจากที่รู้ว่าถูกฉ้อโกงเงิน โดยนายพิสิษฐ์ บอกว่าจะยอมคืนเงินให้ 3 ล้านบาท แต่ต้องแลกกับการถอนแจ้งความที่ สน.บางยี่ขัน โดยแม่น้องบีม ได้ไปแจ้งความไว้ว่าถูกทนายฉ้อโกงเงิน เพราะกลัวว่าจะไม่ได้เงิน จึงยินยอมถอนแจ้งความ และหลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อ นายพิสิษฐ์ได้อีกเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่ และน้องบีม เดินทางขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆภาครัฐ และมูลนิธิ หลายแห่ง แต่คดีก็ยังไม่คืบหน้า แม่ของน้องบีม เปิดใจกับว่า รู้สึกท้อกับกระบวนการยุติธรรม แต่ก็พร้อมเดินหน้าต่อสู้ต่อ

ความหวังของน้องบีมและแม่กลับมาอีกครั้ง เมื่อวันนี้กระทรวงยุติธรรม ส่งเจ้าหน้าที่กองทุนยุติธรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ไปพบกับน้องบีมและแม่ เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงทางคดี โดยแม่ของน้องบีมได้นำเอกสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้องมอบให้กับเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมทั้งหมดแล้ว  ความช่วยเหลือเบื้องต้น กระทรวงยุติธรรมจะจัดหาทนายความ และดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย เช่น ค่าธรรมเนียมศาล ค่าที่พัก ค่าเดินทาง ซึ่งกองทุนยุติธรรมมีอำนาจเต็มในการช่วยเหลือ 

ขณะที่รายละเอียดของข้อมูลทางคดี เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมเปิดเผยว่า หลักฐานและเอกสารที่ได้รับจากผู้เสียหาย ยังขาดบางส่วนที่จะทำให้การต่อสู้คดีสมบูรณ์ แต่หลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมที่จะช่วยจัดหามาให้เพิ่มเติม 

หลังจากนี้ดีเอสไอจะลงพื้นที่อำเภอไชยา จ.สุราษฎร์ธานี  เพื่อสืบหาข้อมูลเพิ่มเติม  โดยเฉพาะรูปแบบที่ทนายความรับเงินค่าเสียหายจากคู่กรณีแทนน้องบีมและแม่  และก่อนหน้านั้น มีการใช้เอกสารใดอ้างสิทธิ์เพิ้มเติมอีหรือไม่ เพื่อนำมาประชุมหาทางช่วยเหลือน้องบีมและแม่

อีกหนึ่งหน่วยงานที่พยายามติดต่อช่วยเหลือน้องบีม คือ สภาทนายความ เมื่อวานนี้ระบุ ผ่านรายการเป็นเรื่องเป็นข่าวของพีพีทีวีว่า พร้อมให้การช่วยเหลือ หากครอบครัวน้องบีมเข้ายื่นคำร้อง  ขณะที่การตรวจสอบการทำหน้าที่ของทนายความที่ถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินค่าเสียหายของน้องบีม ตามขั้นตอนจะต้องเชิญทนายความที่ถูกกล่าวหาเข้าให้ข้อเท็จจริง แต่หากพบว่ากระทำความผิดจริง จะต้องรับโทษที่กำหนดไว้ ซึ่งมีตั้งแต่ การภาคทัณฑ์ การพักใบอนุญาตการเป็นทนายความ 3 ปี  และการลบชื่อออกจากการเป็นทนายความ

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ