ญาติเหยื่อถูกเชิดสินสอด เชื่อ “เจ้าสาว-พ่อแม่” ร่วมมือกันหลอก


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กรณีหญิงสาวหลอกลวงผู้ชายนับ 10 ราย เข้าพิธีวิวาห์ ก่อนจะเชิดเงินสินสอดหนีไป มีความคืบหน้าขึ้นมาก หลังจากผู้เสียหายทยอยเข้าให้ปากคำกับตำรวจกองปราบปราบ และเดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อขอให้ยึดทรัพย์สินนางจริยาภรณ์ บัวใหญ่ หรือน้ำ กับพวกรวม 4 คน โดยอ้างเป็นหนึ่งในมูลฐานความผิดที่ ปปง. มีอำนาจอายัดและยึดทรัพย์สินได้ เพราะได้มาจากการกระทำผิด

วันนี้ (6 ก.ย. 60) ผู้เสียหายที่ถูกหลอกแต่งงาน พร้อมญาติของผู้เสียหายอีกราย เปิดใจผ่านรายการเป็นเรื่องเป็นข่าวถึงกรณีดังกล่าว โดยขนิษฐา หอมหวล ญาติผู้เสียหายที่สูญเงินไปกว่า 4 แสนบาท รวมถึงเธอคือผู้เริ่มต้นแฉเรื่องราวและออกติดตามหาตัวนางสาวจริยาภรณ์ เล่าว่า พี่ชายของตนแต่งงานกับสาวแสบรายนี้ วันที่ 5 พฤษภาคม 2560 จากนั้นมีคนโทรมาบอกว่า หญิงสาวรายเดียวกันกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายอีก 2 คนในวันที่ 25 และ 30 พฤษภาคม 2560 ตนจึงเริ่มรู้สึกสงสัย และมามั่นใจว่าโดนหลอกเมื่อนางสาวน้ำ ขอแยกกันอยู่กับพี่ชาย โดยอ้างว่าแยกกันทำงานหาเงิน ทั้งที่เพิ่งแต่งงานกันได้เพียงคืนเดียว

ระหว่างนั้นตนกับพี่ชายรู้จักนางสาวน้ำในชื่อ สร้อยเพชร พาลีวัน ซึ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นชื่อปลอม โดยตนและพี่ชายสืบจนทราบว่านาวสาวน้ำ ทำธุรกิจผลไม้ที่จังหวัดระยอง จึงทำทีไปขอซื้อทุเรียนในราคาหนึ่งแสนบาท จนสามารถเข้าถึงตัวสาวแสบรายได้นี้ จึงนำตัวไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ ระหว่างนั้นนางสาวน้ำอ้างว่ามีอาการวิงเวียนศีรษะก่อนจะใช้จังหวะนั้นหลบหนีไป จนทุกวันนี้ก็ยังตามตัวไม่เจอ จากนั้นตนได้โพสต์ระบายลงบนเฟซบุ๊ก จนได้เจอกับผู้เสียหายรายอื่นๆ ก่อนมารวมตัวกันดำเนินคดี ส่วนมูลค่าความเสียหายที่ถูกสาวน้ำหลอกไปจากชายทั้ง 13 คน อยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท

นอกจากนี้ ขนิษฐา ยังเชื่อว่าพฤติกรรมเดินสายหลอกลวงผู้ชายดังกล่าวของสาวแสบรายนี้ คงไม่ได้ดำเนินการเพียงคนเดียว คาดว่าพ่อและแม่ น่าจะมีส่วนรู้เห็น เนื่องจากก่อนแต่งงาน พ่อและแม่ของเจ้าสาวจะเดินทางไปตามบ้านของฝ่ายเจ้าบ่าว ซึ่งจากการพูดคุยกับผู้เสียหายรายอื่นพบว่า สาวน้ำพร้อมพ่อแม่ เดินทางมาพบพี่ชายของตนที่บ้านก่อนจะเดินทางไปบ้านของชายอื่นในวันเวลาที่ไล่เลี่ยกัน ลักษณะเหมือนการเดินสาย อีกทั้งในงานแต่งงานจะมีเพียงเจ้าสาว และพ่อแม่ เท่านั้นที่มาร่วมงาน รวมถึงญาติอีกประมาณ 2-3 คน

ขณะที่นายประสาน เทียมแย้ม ผู้เสียหายอีกราย ระบุว่า ตนเองรู้จักกับนางสาวน้ำผ่านเฟซบุ๊ก ก่อนถูกหลอกให้ร่วมทุนขายผลไม้และหลอกให้แต่งงานโดยอ้างว่ากำลังตั้งท้อง ต่อมาเมื่อธุรกิจขาดทุนนางสาวน้ำก็ตีตัวออกห่างก่อนจะติดต่อไม่ได้อีกเลย ซึ่งตนเองเสียเงินไปทั้งหมดกว่า 4 แสนบาท แต่ก็ยังมีความหวังที่จะได้เงินคืนหลังดำเนินการแจ้งความและร้องทุกข์กับหน่วยงานต่างๆ พร้อมผู้เสียหายรายอื่น


ด้าน พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้กำกับการกองปราบ เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับนางสาวน้ำ เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนสอบสวนผู้เสียหาย และสอบพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย แม้ทางกองปราบจะยังไม่ได้ออกหมายจับ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศสามารถจับกุมนางสาวน้ำได้ เนื่องจากมีคดีค้างเก่าทั้งลักทรัพย์ และฉ้อโกง

ส่วนการชดเชยค่าเสียหาย หากอัยการสั่งฟ้อง ก็จะมีการสั่งให้ชดเชยค่าเสียหายให้ด้วย แต่ต้องขึ้นอยู่กับว่านางสาวน้ำจะยังมีเงินเหลือคืนให้ผู้เสียหายหรือไม่ หรือจะมีทรัพย์สินอื่นใดที่อาจนำมาแปลงเป็นเงินหรือจ่ายแทนได้หรือไม่ ส่วนเรื่องพ่อกับแม่ ของผู้ก่อเหตุ หากพบว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงกันก็สามารถดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ด้วยเช่นกัน




วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์


TOP ประเด็นร้อน

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ