“ทรัมป์” ไฟเขียวเผยเอกสารบางส่วนคดีลอบสังหารเจเอฟเค

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คำสั่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศออกมานั้น หมายความว่ารายละเอียดของเหตุการณ์ในวันลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีเคนเนดี (ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐฯ) เมื่อ 54 ปีก่อน จะถูกนำออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนรวมทั้งสิ้น 2,800 แฟ้ม โดยให้เหตุผลว่า ชาวอเมริกันสมควรจะได้รับรู้เรื่องราวที่เป็นความจริงให้มากที่สุด

หนึ่งในเอกสารที่เปิดเผยออกมา ระบุว่า เอฟบีไอ เคยแจ้งเตือนทางตำรวจว่ามีการขู่เอาชีวิตนายลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ มือสังหาร

ขณะที่บันทึกข้อความอีกฉบับระบุว่า  เจ้าหน้าที่โซเวียตเกรงว่า “นายพลที่ไม่มีความรับผิดชอบ” จะสั่งยิงขีปนาวุธใส่สหภาพโซเวียตเนื่องจากการเสียชีวิตของอดีตประธานาธิบดีเคนเนดี้

ทั้งนี้ ยังมีเอกสารอีกมากมายที่ ทรัมป์ เลือกจะไม่เปิดเผย โดยอ้างว่าเป็นความลับสุดยอดของทางราชการ

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาสื่อมวลชนได้ขุดคุ้ยเรื่องราว และมีข้อมูลที่ถูกเปิดเผยออกมาแล้วมากกว่าร้อยละ 90

การเปิดเผยครั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์จำเป็นต้องประกาศ ตามมติของสมาชิกวุฒิสภาเมื่อปี 1992 ที่ร่างเป็นกฏหมายบังคับว่า ข้อมูลทั้งหมด ซึ่งมีอยู่ทั้งสิ้นราว 5 ล้านแฟ้ม จะต้องเปิดเผยสู่สาธารณชนภายในเวลา 25 ปี ซึ่งก็ครบกำหนดไปเมื่อวานนี้พอดี

อดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ.1963 ขณะนั่งรถลีมูซีนเปิดประทุนพร้อมด้วยภรรยา แจ็กเกอลีน ผ่านใจกลางเมืองดัลลัส  ในขบวนแห่หาเสียงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 1964 

แต่ในขณะที่ขบวนรถมาถึง ดีลลีย์ พลาซา เมื่อเวลา 12.30 น. ก็เกิดเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด โดยอดีตประธานาธิบดีเคนเนดี ถูกกระสุนปืน 2 นัด  นัดหนึ่งเข้าที่ด้านหลังคอ ส่วนอีกนัดพุ่งเข้าศีรษะซึ่งทำให้เกิดแผลฉกรรจ์  ก่อนที่จะมีการประกาศในเวลาบ่ายโมงตรงว่า ประธานาธิบดีเคนเนดีได้เสียชีวิตแล้ว

จากการสืบสวนพบว่ากระสุนปืนถูกยิงมาจากชั้น 6 ของอาคาร Texas School Book Depository  โดยมือสังหารชื่อ นายลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ วัย 24 ปี

แต่ยังไม่ทันที่ออสวัลด์จะขึ้นให้การต่อศาล  2 วันหลังจากเหตุลอบสังหาร เขาก็ถูกยิงเสียชีวิตโดย แจ๊ค รูบี้เจ้าของโรงละครคาบาเรต์ท้องถิ่น ระหว่างที่ควบคุมตัวจากสำนักงานใหญ่ตำรวจไปยังเรือนจำของเคาน์ตี 

ความจริงที่ว่าตัวตนของมือลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีเคนเนดีไม่เคยได้รับการพิสูจน์ในชั้นศาล จึงทำให้เกิดทฤษฎีและข้อสันนิษฐานอื่นๆ ตามมาอีกมากมายว่า จริงๆ แล้วเกิดอะไรชึ้น และใครน่าจะอยู่เบื้องหลัง   โดยรายงานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อปี 1979 สรุปว่า มีความเป็นไปได้สูงที่เหตุลอบสังหารดังกล่าวลงมือโดยมือปืน 2 คน