วันนี้ (18 ธ.ค.60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รูปแบบใบสั่งใหม่ มีส่วนที่เพิ่มเติมจากใบสั่งเดิมคือ บาร์โค้ด ซึ่งให้ประชาชนสามารถนำไปสแกนเพื่อชำระเงินค่าปรับผ่านธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม หรืออินเทอร์เน็ตแบงกิ้งของธนาคารกรุงไทยได้ทั่วประเทศ โดยเป็นวิธีการที่คิดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนไม่ต้องเดินทางไปชำระเงินที่สถานีตำรวจ แต่ข้อจำกัดของใบสั่งรูปแบบใหม่นี้ คือ ผู้ได้รับใบสั่งจะต้องรอชำระเงินค่าปรับหลังผ่านไปแล้ว 2 วัน เพื่อให้ตำรวจนำข้อมูลการแจ้งข้อกล่าวหาในแต่ละวันไปลงบันทึกในระบบกลางที่เรียกว่า Police Ticket Management หรือ PTM ซึ่งเป็นระบบที่เชื่อมต่อไว้กับธนาคาร
โดยวิธีการนี้ทำให้ขั้นตอนการทำงานของตำรวจมากขึ้น และเมื่อต้องใช้ระบบเป็นตัวกลางเชื่อมข้อมูลทั้งประเทศ ด้าน พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ในช่วงแรกยังต้องใช้เวลาศึกษาข้อติดขัดจากระบบการใช้งาน และปัญหาที่ประชาชนสะท้อนกลับมา นำไปประชุมหาแนวทางแก้ไขร่วมกันของสถานีตำรวจทุกแห่ง ให้สามารถใช้งานในระยะยาวได้อย่างเข้าใจ ทั้งประชาชนและตำรวจผู้ปฏิบัติงาน
ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการเริ่มใช้งานใบสั่งรูปแบบใหม่ว่า เมื่อเริ่มใช้ใบสั่งใหม่แล้ว ต้องยกเลิกการใช้ใบสั่งแบบเก่าทันที หากยังใช้อยู่เจ้าหน้าที่จะถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย