ศาลยุติธรรมสหภาพยุโรป (European Court of Justice หรือ ECJ) ตัดสินให้ อูเบอร์ ผู้ให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชั่น เป็นบริษัทด้านการขนส่ง ตามวัตถุประสงค์ของบริการ ไม่ใช่ผู้ให้บริการด้านดิจิทัล อย่างที่ อูเบอร์ กล่าวอ้าง ขณะที่ศาลระบุด้วยว่า ชาติสมาชิกอียู สามารถกำหนดเงื่อนไขเพื่อจัดระเบียบการให้บริการ อูเบอร์ ในประเทศของตัวเอง ให้สอดคล้องกับกฎระเบียบของบริการขนส่งสาธารณะ นั่นหมายความว่า อูเบอร์ จะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ เช่นเดียวกับแท็กซี่
อย่างไรก็ตาม อูเบอร์ เผยว่า คำตัดสินของศาลจะส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อการให้บริการในยุโรป เนื่องจาก อูเบอร์ ดำเนินการภายใต้กฎหมายด้านการขนส่งอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวยุโรปหลายล้านคนถูกห้ามไม่ให้ใช้บริการอูเบอร์ ซึ่งหลังจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าเจรจากับรัฐบาลท้องถิ่นในหลายเมืองทั่วยุโรปให้อนุญาตการให้บริการ อูเบอร์ ต่อไป
ด้านผู้เชี่ยวชาญ บอกว่า คำตัดสินคดีนี้ แสดงให้เห็นว่า ศาลและหน่วยงานกำกับดูแลส่วนต่างๆ ยังมีปัญหาในการรับมือกับ “Gig Economy” หรือระบบเศรษฐกิจที่ผู้ทำงาน รับงานอย่างอิสระ เป็นครั้งคราว ไม่เต็มเวลา ซึ่งเป็นค่านิยมที่กำลังแพร่หลายในกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั่วโลก
ขณะเดียวกัน คำตัดสินของศาลก็ทำให้ผู้ให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชั่นรายอื่นๆ และแท็กซี่ ต้องยกระดับบริการของตัวเองเพื่อแข่งขันกัน อย่างเช่น แท็กซี่ในกรุงลอนดอน ของอังกฤษ ที่ต้องเพิ่มบริการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต หลังจากคัดค้านมาหลายปี ซึ่งถือเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้บริการ
ทั้งนี้ คำตัดสินของศาลยุติธรรมสหภาพยุโรป มีที่มาจากสมาคมผู้ขับแท็กซี่ในเมืองบาเซโลนา ของสเปน ยื่นฟ้องเมื่อปี 2014 โดยให้เหตุผลว่า อูเบอร์ ทำการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม ด้วยบริการ UberPOP ที่ให้ผู้ขับขี่ที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่สาธารณะรับผู้โดยสารผ่านแอปพลิเคชั่น