“เน็ตไอดอล” อาชีพดาวรุ่งพุ่งแรงของเด็ก ยุค 4.0

โดย PPTV Online

เผยแพร่

"โซเชียลมันแรงมาก คือเขาเหมือนเหยียบเราจริงๆ ทำดีชื่นชมหนูสองวัน แต่พอทำไม่ดี ทั้งอาทิตย์ ทั้งเดือน ทั้งปี แบบ โห มันติดไปเลยอ่ะ เพราะฉะนั้นลงอะไร คิด คิดมากๆ จริงๆ” “ฟลุ๊ค กะล่อน”

เมื่อเน็ตไอดอลถูกโหวตให้ติดอันดับอาชีพดาวรุ่งพุ่งแรงในปี 2561 รองจาก หมอผิวหนัง และ โปรแกรมเมอร์วิศวกรซอฟแวร์ จากผลสำรวจของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย แต่ถ้าย้อนกลับไปช่วงสิบกว่าปีก่อน “เน็ตไอดอล” คือเยาวชนที่มีจุดเด่น เช่น หน้าตาดี เรียนเก่ง เล่นกีฬาเก่ง และได้รับการโพสต์ลงเว็บไซต์ ดังๆ หน่อยก็ เว็บไซต์เด็กดี

แต่หลังจากสื่อโซเชียลมีเดียและสมาร์ทโฟนเข้ามามีอิทธิพลพร้อมๆ กับ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ยูทูป โลกของเน็ตไอดอลจึงเปิดกว้างมากขึ้น ใครจะเป็นก็ได้แค่แสดงอะไรที่คิดว่าแปลก ไม่เหมือนใคร ซึ่งช่วงหลังๆจากสิ่งสร้างสรรค์ กลายเป็น ล่อแหลม แต่เมื่อโพสต์แล้วได้รับการตอบรับจาก ยอดไลค์ ยอดวิว ยอดแชร์ เยอะเท่าไหร่ ก็เปรียบเสมือนรางวัลล้ำค่านำพาชื่อเสียง โอกาส และรายได้มาให้พร้อมๆ กับ คำว่า “เน็ต ไอดอล” ต่อท้ายชื่อทันที หลายคนจึงพยายามทำทุกวิถีทางให้โดดเด่นโลดแล่นอยู่บนโลกโซเชียลมีเดีย จนยึดเป็น “อาชีพ”

นิวมีเดีย พีพีทีวี มีโอกาสได้พูดคุยกับหนึ่งในเน็ตไอดอลของเด็กยุคนี้นามว่า “ฟลุ๊ค กะล่อน หรือ นาย ธรรณพ แสงโอสถ ด้วยยอดไลค์ 1.6 ล้านไลค์ในเฟซบุ๊ก และยอดฟอลโล่ในอินสตาแกรมอีกเกือบ 6 แสนคน เราจะมากะเทาะความคิดของเธอเบื้องหลังความบ้า ความแรง ที่หลายๆ คน เห็นผ่านโซเชียลมีเดียและไม่เคยรู้มาก่อน

ทีมงานนัด ฟลุ๊ค กะล่อน ประมาณ 10.00 น. ในวันฝนกระหน่ำกรุงเทพฯ ที่ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจนนทบุรี ซึ่งฟลุ๊คกำลังศึกษาอยู่ชั้นปี 1 ในสาขาวิชาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กราฟิค โดยในวันนี้เธอมาสอบย้อนหลังเพราะที่ผ่านมามีงานรีวิวสินค้า งานถ่ายโฆษณาทางอินเทอร์เน็ต งานโชว์ตัว เข้ามาจำนวนมาก แต่การเรียนก็คือสิ่งสำคัญที่สุดที่ของ ฟลุ๊ค เหมือนกัน

ด้วยรายได้ที่เข้ามาจากจุดเริ่มต้นถือสินค้าและถ่ายรูปรูปละ 500 บาท วันนี้ต่อเดือน ฟลุ๊ค มีรายได้หกหลัก ซึ่งฟลุ๊คคิดว่าสิ่งที่ต้องทำคือเก็บเงินให้มากที่สุดเพราะไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้จะอยู่กับเธอนานเท่าใดหากวันหนึ่งเธอกลายเป็นเพียงคนธรรมดามนุษย์เงินเดือน

จุดเด่นของ “ฟลุ๊ค กะล่อน” ?

หนูเล่น เฟซบุ๊ก กับลุคที่หนูเป็นผู้ชายมาก่อน หนูจะเป็นคนชอบแต่งตัว ชอบแฟชั่น ก็โตๆ มาเรื่อยๆ จนเรากลายร่างมาเป็นแบบนี้ เราก็ชอบแต่งตัวอีก ชอบใส่แนวฝรั่ง ใส่ไรงี้ คนก็จะชอบที่แบบว่าตามเทรนด์ของเราก็จะตามๆ มา เด็ก ม.ปลายจะชอบ เพราะเราเป็นเด็กทะเล้น แบดบอยกวนๆ

ทำไมต้อง “ฟลุ๊ค กะล่อน” ?

เพราะเมื่อก่อนในกลุ่มที่หนูรู้จักไม่มีใครตั้งชื่อเฟซบุ๊กเป็นชื่อตัวเองไม่ว่าจะชื่อเล่นหรือชื่อจริง หนูก็เอาไรดีที่จำในหมู่เพื่อนและสมัยนั้นก็เป็นผู้ชายกะล่อนก็เลยเป็น ฟลุ๊ค กะล่อน

ครั้งแรกที่ลงเฟซบุ๊กแล้วเปลี่ยนชีวิตเรา ?

ครั้งแรกคือตอนหนูอยู่ ม.4 เป็นคลิปที่หนู Cover เพลงลูกทุ่ง  หนูก็ งง ว่าหนูลงแค่ในกลุ่มเพื่อนก็มีคนมาบอกให้เปิดสาธารณะพอตื่นมา 70,000 กว่าแชร์ แล้วมันไวมาก ก็เลยแบบตื่นเต้นคนมาติดตามเรา 40,000-50,000 คนในวันเดียว ไปไหนคนจำได้ก็ตื่นเต้นดีใจ

เรารับกับสิ่งที่เข้ามาข้ามคืนยังไง ?

โห พี่ตั้งแต่ขึ้นมา 7,000 แรก หนูแบบ เฮ้ย ผู้ติดตามเราเยอะมาก  เพื่อนก็แซว ก็ตื่นเต้นมาก พอขึ้นเหยียบล้านมาแบบดีใจมาก ทำไมคนมาติดตามเราถึงล้าน ตื่นเต้นมาก ดีใจ หลังจากนั้นก็ทำเรื่อยๆ

การใช้ชีวิตเปลี่ยนมั้ย ?

เปลี่ยนค่ะ แต่ก่อนอยากโพสต์อะไรก็โพสต์มีแค่เพื่อน แต่เดี๋ยวนี้ต้องส่งให้คนที่ดูแลดู มันโอเคมั้ยคำพวกนี้ ถึงเราจะไม่ดังขนาดนั้นแต่เราก็เคยโดนดราม่ามาก่อนทำอะไรผิดขึ้นมา โซเชียลมันแรงมาก คือเขาเหมือนเหยียบเราจริงๆ ทำดีชื่นชมหนูสองวัน แต่พอทำไม่ดี ทั้งอาทิตย์ ทั้งเดือน ทั้งปี แบบ โห มันติดไปเลยอ่ะ เพราะฉะนั้นลงอะไร คิด คิดมากๆ จริงๆ

เวลาโดนด่าหรือดราม่าตั้งรับยังไง ?

เวลาโดนด่าปรึกษาแม่ว่าเราจะยังไงดี ทำไมเขาต้องมาด่าถึงพ่อถึงแม่ด้วย ทั้งๆที่แม่ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยคือหนูทำของหนูเอง แม่บอกว่า ไม่เป็นไรอย่าไปอ่าน แม่ให้กำลังใจนะ มีอะไรปรึกษาแม่ เชื่อแม่ อยู่กับแม่ เราก็จะเลิกอ่านเลยตั้งแต่วันนั้นมา เลิกอ่านคอมเมนท์ที่เกี่ยวกับคนด่าทั้งหมด

เคยอยากเลิกเล่นโซเชียลมีเดียเลยมั้ย ?

เคยอยากมาบอกมากกว่าว่านี้คือตัวตนเรานะ เราชอบทำแบบนี้ตลกๆ เฉยๆ ไม่ได้ทำมาให้มองไม่ดี มันก็มีกลุ่มที่มองแล้วมันตลก เขาให้กำลังใจเรา ส่วนใครที่มองแล้วไม่ชอบก็ไม่เป็นไร เพราะเราไม่สามารถไปบอกเขาว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้มันไม่ได้

แสดงว่าจะเป็น “เน็ต ไอดอล” ไปตลอด ?

หนูรู้สึกว่า หลายๆคนเห็นว่าเป็น เน็ตไอดอล มีงานรีวิว รวย อยากเป็นบ้าง เลยหาวิธีทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะแก้ผ้า ไม่ว่าจะทำอะไรทุกอย่าง เพื่อให้ตัวเองมีเงินจากรายได้ตรงนี้ หนูจะบอกว่า คือ ตรงนี้มันมันเป็นงานไม่แน่นอนไม่รู้จะอยู่กับมันได้นานแค่ไหน เพราะฉะนั้นทุกวันนี้หนูยังอยากจะหางานประจำทำเลยจริงๆ ตอนแรกหนูตื่นเต้นกับงาน หนูรู้สึกว่าหนูมีงาน หนูมีเงินแล้ว หนูไม่จำเป็นต้องเรียนก็ได้ แต่แม่หนูขอว่า ความรู้มันอยู่กับเราอีกนาน มันไม่มีแก่ลง อยากเรียนให้แม่ด้วยปริญญาตรี

ตรงไหนที่ควรเอาเป็นตัวอย่างจาก “ฟลุ๊ค กะล่อน” ?

ถ้าเอาหนูเป็นตัวอย่างหนูจะพูดเสมอว่า หนูดูแลแม่ ดูแลครอบครัวคนเดียว หนูหาเงินคนเดียว เนี่ยสิ่งที่ควรเป็นตัวอย่าง

ทำไม เน็ต ไอดอล ต้องโชว์นมคิดยังไงกับการ“โชว์นม” ?

ไม่รู้จะพูดยังไง ก็สมัยนี้รสนิยมเขาก็ตามๆ กัน เห็นคนนี้โชว์ได้ก็โชว์ได้เหมือนกัน โชว์แล้วไม่เห็นเป็นไรเลย แต่วัฒนธรรมไทย คือมันเป็นของที่เราต้องเก็บไว้ รักนวล สงวนตัว คือ ผู้หญิงเอะอะ ก็โชว์ๆ มันง่ายจนเกินไป เขาก็คิดว่าเขาทำไปเขาอาจะมีงานต่อ แต่สำหรับหนูคิดว่าไม่สมควรและไม่โอเคอย่างมาก ถ้ามองในอนาคตคุณกลับมาดูตัวเองคุณจะรู้สึกว่า ไม่น่าทำแบบนั้นเลย

อยากบอกอะไรกับคนที่กดไลค์ในเฟซบุ๊กถึง 1.6 ล้านคน ?

อยากบอกว่า ติดตามหรือเล่นโซเชียล มันมีทั้งแง่ดี แง่ลบ เวลาดูเราอยากให้ทำตาม หรือ เลือกรับในสิ่งที่ดีดี อะไรที่มันไม่ดีเสพได้คุณก็ปล่อยผ่านไป ไม่ต้องนำไม่ต้องนำมาใช้กับตัวเอง

สุดท้าย “เน็ต ไอดอล” เป็นอาชีพได้หรือไม่ ?

สำหรับหนู เน็ตไอดอล คือ คนที่แบบว่าเป็นแบบอย่างสำหรับหนูแล้วอยู่ในโซเชียลเฉยๆแค่นั้น ถ้าช่วงชีวิตหนึ่ง มีคนแชร์ออกไป หรือแบบคุณดวงดีหรือได้แบบมีงานรีวิวก็ถือว่าเป็นโชคดีไป เงินที่เข้ามามันเหมือนแบบมันรีบเข้ามาแล้วรีบไป ครั้งแรกหนูได้ 500 บาท ดีใจมากใช้เงิน 500 บาทเป็นสัปดาห์ๆ บอกแม่หนูไม่ขอเงินแม่แล้วนะแล้วก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นถ้าได้โอกาสตรงนี้ เก็บเงินค่ะ แล้วหางานทำ เพราะเงินตรงนี้มันไม่ได้อยู่กับเรานาน

 

Bottom-PL-HLW Bottom-PL-HLW

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ