เมื่อวันที่ (29 ม.ค. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นการส่งสัญญาณจากนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ที่ยอมรับว่า กลัว และกังวล ว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. จะถูกคว่ำ หลังกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เป็นห่วงว่าเนื้อหา ที่สมาชิก สนช. ปรับแก้ อาจขัดรัฐธรรมนูญได้ นายพรเพชรยอมรับยังมีข้อสงสัยหลายประการ ยังไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดได้ เพราะมีการแก้ไขมาก จึงขอให้รอฟังความเห็น กรธ. และ กกต.ก่อน
สำหรับประเด็นข้อโต้แย้งของ กรธ. มี 3 เรื่อง คือ การลดการควบรวมกลุ่มวิชาชีพ จาก 20 เหลือ 10 กลุ่ม ยกเลิกระบบสรรหาแบบเลือกไขว้กลุ่มวิชาชีพ ประเด็นที่น่าห่วงที่สุด คือการแบ่ง ส.ว. 200 คน ให้มาจาก 2 ประเภท คือ ผู้แทนอิสระ 100 คน และ ผู้แทนองค์กรวิชาชีพที่เป็นนิติบุคคล 100 คน และแยกการสรรหาออกจากกัน ประเด็นนี้ กรธ. มองว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 ที่กำหนดให้ประชาชนที่มีสิทธิเท่าเทียมกันในการสมัครรับคัดเลือกเป็น ส.ว. ประเด็นนี้จะนำไปสู่การตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย มาปรับแก้ร่างกฎหมาย ส.ว. 15 วัน ก่อนเข้าที่ประชุม สนช. ลงมติ หากที่ประชุมไม่เห็นชอบ ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 เพื่อตีตกร่างกฎหมาย และต้องเริ่มกระบวนยกร่างใหม่ทั้งหมด
หาก สนช. เห็นชอบ และส่งให้นายกรัฐมนตรี นายกฯ จะใช้เวลา 5 วันตรวจทานก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ช่วงนี้ หากมีผู้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ต้องชะลอการทูลเกล้าฯออกไป หากศาลเห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญ กฎหมายจะตกไป และต้องเริ่มยกร่างกฎหมายใหม่ทั้งฉบับและขั้นตอนการตีความไม่ได้ระบุชัดเจนว่าใช้เวลากี่วัน
ส่วนความไม่ชัดเจนเรื่องการเลือกตั้ง วันนี้นายกรัฐมนตรีตอบคำถามระหว่างไปเป็นประธานพิธีวันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหารครบ 60 ปีและมอบรางวัลเกียรติยศจักรเด่าให้ศิษย์เก่า ที่จังหวัดนครนายกว่า ไม่ได้ส่งสัญญาณเลื่อนการเลือกตั้ง เมื่อถูกถามย้ำเรื่องคำสัญญา นายกฯบอกว่า ไม่ได้สัญญา
นายกรัฐมนตรี หยิบยกความเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลและ คสช.ในช่วงนี้ว่า เป็นสาเหตุของความไม่สงบ พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนตัดสินใจเลือกว่าจะกลับไปอยู่กับความขัดแย้งแบบเดิมหรือไม่ วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นร้องคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินให้ตรวจสอบสมาชิก สนช. 213 คนที่ลงมติ ผ่านร่างกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ที่อาจทำให้ สนช.ได้รับประโยชน์จากเงินประจำตำแหน่งและค่าตอบแทนอื่นเพิ่มอีก 3 เดือน เป็นการจใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้กับ คสช. และตนเองและอาจเข้าข่ายการทุจริตต่อหน้าที่