เฟซบุ๊ก รายงานผลประกอบการประจำปี 2017 พบว่ารายได้รวมทั้งปีอยู่ที่ 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% จากปี 2016 ส่วนผลกำไรอยู่ที่ 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบๆ 5 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ยอมรับว่า นับตั้งแต่ใช้นโยบายปรับลดเนื้อหาเชิงโฆษณาประชาสัมพันธ์บนหน้าฟีดข่าว รวมทั้งคลิปวิดีโอต่างๆ ทำให้ระยะเวลาที่ผู้คนใช้ไปกับเฟซบุ๊กหายไปประมาณ 5% หรือลดลงไปวันละ 50 ล้านชั่วโมง แต่แนวโน้มดังกล่าวเป็นสิ่งที่เฟซบุ๊ก คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว
โดยยอดผู้ใช้งานเฟซบุ๊กแบบเป็นประจำทุกๆวันในไตรมาส 4 ของปี 2017 ได้เพิ่มขึ้นจาก 1.2 พันล้านคน เป็น 1.4 พันล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 2% แต่ยังถือเป็นอัตราที่ชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับตัวเลขในไตรมาสก่อนๆที่เพิ่มขึ้นเกือบ 4%
นอกจากนี้ ยังพบว่า ในสหรัฐฯและแคนาดา จำนวนผู้ที่ใช้งานเฟซบุ๊กเป็นประจำในไตรมาส 4 ลดลงจาก 185 ล้านคน เหลือ 184 ล้านคน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เฟซบุ๊กมีจำนวนผู้ใช้งานน้อยลง โดยทั้งสองประเทศ ถือเป็นตลาดหลักที่สร้างเม็ดเงินจากการขายโฆษณาให้กับเฟซบุ๊กอย่างมหาศาล