ข่าวทุกสำนักและโลกโซเชียลมีเดียพุ่งเป้าไปที่ การจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ พร้อมพวกรวม 4 คน พร้อมของกลางซากสัตว์ป่าคุ้มครอง คือ ไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง ซากเสือดำ รวมถึงอาวุธปืน และเครื่องกระสุน กลางป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี จากนั้นจึงเริ่มมีการแชร์เรื่องราวความเหมือนที่แตกต่างระหว่างเหตุการณ์นี้กับเหตุการณ์ในอดีตอันเป็นชนวนเหตุทำให้เกิดอีกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์การเมืองไทย คือ เหตุการณ์ 14 ตุลา (14 ต.ค. 2516)
ที่บอกว่าเหมือนคือมีจุดเริ่มต้นจาก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี เหมือนกัน
ครั้งนั้น สมัยรัฐบาล จอมพลถนอม กิตติขจร มีคณะนายทหาร-ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ประมาณ 60 คน หนึ่งในนั้นมี พันเอก ณรงค์ กิตติขจร บุตรชายจอมพลถนอม รวมถึง นักธุรกิจ ดารานักแสดง ด้วย เดินทางไปตั้งแคมป์ล่าสัตว์ป่าเพื่อฉลองวันเกิดของนายตำรวจคนหนึ่ง และใช้อาวุธสงครามล่าสัตว์ป่า ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากนิสิตนักศึกษา ประชาชน รวมไปถึงองค์การคุ้มครองสัตว์ป่าจำนวนมาก
จนกระทั่ง วันที่ 29 เม.ย.2516 ในระหว่างเดินทางกลับได้เกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบก ตก ที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม ซึ่งนอกจากมีผู้เสียชีวิต 6 คน สิ่งที่ไม่คาดคิดคือรอบๆจุดเกิดเหตุพบซากกระทิงและสัตว์ป่าจำนวนมากรวมถึงอาวุธกระจัดกระจายอยู่ด้วย ตอกย้ำกระแสการต่อต้านก่อนหน้านี้ว่า มีการลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรจริง แต่รัฐบาลจอมพลถนอมในขณะนั้นกลับพยายามไม่ให้นำเสนอข่าวเรื่องนี้ พร้อมออกมาระบุว่า เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวที่ตกอยู่ในช่วงปฏิบัติราชการลับเปิดเผยมิได้ และถูกใช้รักษาความปลอดภัย นายพล เน วิน นายกรัฐมนตรีเมียนมา ที่เดินทางมาประเทศไทยช่วงนั้น ส่วนเนื้อสัตว์ป่าอาจเป็นของคนอื่นฝากมา
เป็นเหมือนน้ำมันราดบนกองไฟปลุกกระแสสังคมให้ต่อต้านไม่พอใจรัฐบาลมากขึ้น จนเกิดเป็นหนังสือเปิดโปง เรื่อง "บันทึกลับทุ่งใหญ่" จากศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ ศนท. จากนักศึกษาชมรมนิเวศวิทยา ม.มหิดล, ชมรมอนุรักษ์และกลุ่มอนุรักษณ์ ม.เกษตรศาสตร์, ม.ธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ หนังสือ "มหาวิทยาลัยที่ไม่มีคำตอบ" ของชมรมคนรุ่นใหม่ นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำให้นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง 9 คน ถูกไล่ออก ในข้อหาเสียดสีรัฐบาลยิ่งทำให้การประท้วงรัฐบาลจอมพลถนอมบานปลายขึ้นจนกลายเป็น เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ส่งผลทำให้จอมพล ถนอม และพันเอก ณรงค์ ลี้ภัยออกนอกประเทศ
ผ่านมา 45 ปี .... ปมล่าสัตว์ป่าจากทุ่งใหญ่นเรศวรจุดชนวนให้เกิดกระแสต่อต้านจากสังคมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คือ นักธุรกิจระดับประเทศที่กุมโครงการก่อสร้างของรัฐไว้หลายแสนล้าน คือ “นายเปรมชัย กรรณสูต” ซึ่งหายตัวไปทันทีหลังได้รับการประกับตัววงเงิน 150,000 บาท แต่จะต่างก็ตรงที่จากการรวมตัวประท้วงเป็นการรุมประณามการกระทำของนายเปรมชัย ผ่านโลกโซเชียล รวมถึงการล่ารายชื่อและเกาะติดการดำเนินคดีอย่างใกล้ชิดจากองค์กรอนุรักษณ์ต่างๆ เช่น ปรากฏการณ์โซเชียล แซงชั่น “Social Sanction” หรือกระบวนการทางสังคมเพื่อสร้างการควบคุม และสร้างบทลงโทษทางสังคมอย่างการแชร์ภาพประณามการกระทำของดารา นักแสดง หรือการพ่นสีรูปเสือดำทับป้ายผ้าที่มีสัญลักษณ์ของ บมจ.อิตาเลียนไทย การ ตั้งแคมเปญ ผ่าน Change.org ผู้ร่วมลงชื่อกว่า 1 แสนคนให้ดำเนินคดีอย่างเท่าเทียม เครือข่ายนักศึกษาชมรมอนุรักษ์แห่งประเทศไทย 12 องค์กรออกหนังสือให้ดำเนินคดีนี้อย่างจริงจังโดยจะเกาะติดอย่างใกล้ชิดเป็นเวลา 7 วัน มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร ออกแถลงการณ์ ให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐบาล ดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดอย่าได้เกรงกลัวต่ออิทธิพลและสถานะทางธุรกิจอันใหญ่โตของนายเปรมชัยแต่อย่างใด
และถึงแม้เหตุการณ์นี้จะยังไม่ถึงขั้นบานปลายจนกระทบไปถึงรัฐบาล
แต่รัฐบาลก็ถูกจับตาไม่น้อยเพราะ อิตาเลียนไทย คือผู้รับเหมาที่คว้างานประมูลโครงการก่อสร้างของรัฐไว้มูลค่าหลายแสนล้านบาท จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาย้ำชัดว่า “ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ขั้นตอนตามกระบวนการยุติธรรม ใครกล้าช่วยเหลือจะต้องถูกลงโทษด้วย หากพิสูจน์ได้ว่าผิดก็คือผิด ใหญ่แค่ไหนก็คือผิด”
ไม่น่าเชื่อว่า...ผ่านมากว่า 4 ทศวรรษ ยุคสมัยเปลี่ยนไปแต่ยังมีเหตุการณ์ที่สัตว์ป่ายังคงต้องสังเวยชีวิตให้กับพรานที่มีอำนาจทางสังคม จึงภาวนาว่าขอให้ซากเสือดำและซากสัตว์ป่าสงวนที่พบล่าสุดนี้ เกิดขึ้น “เป็นครั้งสุดท้าย"
ข้อมูล เพจ คนอนุรักษ์