สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ เปิดเผยถึงผลการศึกษาแนวทางการปฏิรูปแท็กซี่ ว่า จะสามารถสรุปเสนอไปยังกรมการขนส่งทางบก เพื่อพิจารณาในเดือนพ.ค.นี้ โดยเบื้องต้นจะปรับโครงสร้างราคาแท็กซี่กำหนดค่าบริการเริ่มต้นจากเดิม 35 บาท เป็น 40 บาท ช่วง 2 กิโลเมตร แรก
นอกจากนี้ จะปรับอัตราการคิดราคาค่าโดยสารแบบใหม่ อิงรูปแบบในต่างประเทศ โดยการแยกค่าใช้จ่ายเป็น 2 ส่วน คือ ค่าโดยสารตามระยะทาง และเวลาในการเดินทาง จากเดิมที่คิดค่าโดยสารตามระยะทางและความเร็วของยานพาหนะ เนื่องจากปัจจุบันแท็กซี่จำนวนมากที่ต้องการเลี่ยงพื้นที่รถติดเพราะสูญเสียรายได้ 20-30% ส่งผลให้เกิดปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสาร
นอกจากนี้ คาดว่าแนวทางดังกล่าวนั้นไม่จำเป็นต้องแก้กฎหมายใหม่ทั้งหมด เพียงแค่แก้กฎกระทรวงเพื่อบังคับใช้ ดังนั้น หากกรมการขนส่งทางบกพิจารณาเห็นชอบจะเสนอเข้าสู่กระทรวงคมนาคม เพื่อบังคับใช้ให้ได้ภายในปลายปีนี้
ด้าน นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับรายงานผลการศึกษาดังกล่าว เพราะทีดีอาร์ไออยู่ระหว่างศึกษา เมื่อทีดีอาร์ไอส่งผลการศึกษามาให้กรมการขนส่งทางบกแล้ว จะพิจารณาและหาข้อสรุปทั้งการปรับอัตราค่าโดยสารมีปัจจัยและพิจารณาองค์ประกอบการหลายอย่างเพื่อเสนอกระทรวงคมนาคมเห็นชอบต่อไปว่าแนวทางไหนสามารถดำเนินการได้
สำหรับข้อกังวลของสมาคมผู้ขับรถแท็กซี่ที่ไม่เห็นด้วยถึงผลการศึกษาของทีดีอาร์ไอในเรื่องเดียวกันที่เสนอให้แกร็บ (Grab) และอูเบอร์ (Uber) ที่อยู่นอกระบบกฎหมายไทย ให้เข้ามาอยู่ในระบบบริการสาธารณะ โดยไม่ใช้ป้ายทะเบียนสีเหลืองเหมือนแท็กซี่ในระบบ แต่จะให้ผู้ให้บริการต้องมาจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกเพื่อลงบันทึกประวัติพร้อมรับสติกเกอร์ 2 ชิ้น ระบุว่าเป็นรถรับจ้างสาธารณะติดด้านหน้าและด้านหลังรถ จนอาจจะนัดชุมนุมประท้วงนั้น จะพิจารณาผลกระทบของรถแท็กซี่สาธารณะให้รอบด้าน เพราะเข้าใจข้อกังวลว่ารถรับจ้างสาธารณะหากไม่ใช้ป้ายเหลืองและใช้ป้ายรถส่วนบุคคล (ป้ายขาว) แทน ขณะที่ผู้ขับรถสาธารณะต้องมีใบอนุญาตขับรถสาธารณะดังนั้นแท็กซี่ให้บริการผ่านแอพควรมีใบอนุญาตเหมือนแท็กซี่ในระบบหรือไม่ ทั้งหมดต้องนำมาพิจารณาเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายเช่นกัน ทุกฝ่ายอย่าเพิ่งใจร้อนขอให้ผลการศึกษาแล้วเสร็จสมบูรณ์ กรมฯจะพิจารณาให้รอบด้านแน่นอน