วันนี้ (4 ก.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (3 ก.ค.61) ทำให้การติดตั้งระบบสื่อสารในจุดที่ 13 ชีวิตอยู่กับ ผู้ปกครองที่รอด้านนอกต้องหยุดชะงัก เพราะว่าระหว่างการขนย้ายอุปกรณ์ที่มีการแพ็คป้องกันน้ำอย่างดี แต่ปรากฏว่าเปียกน้ำไม่สามารถใช้การได้ จึงต้องกลับมานำอุปกรณ์ชิ้นใหม่เข้าไปติดตั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าใช้เวลาติดตั้งไม่นาน
โดนแผนการลำเลียง 13 ชีวิต ออกจำถ้ำหลวง ด้านนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ระบุว่า แผนการหลัก คือ เร่งพร่องน้ำออกจากถ้ำหลวงโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันวิธีที่จะทำควบคู่ไปด้วยคือ นำหน้ากากดำน้ำแบบเต็มใบให้ 13 ชีวิต ภายในถ้ำฝึกดำน้ำ ซึ่งขณะนี้ดำเนินการฝึกไปบ้างแล้ว แต่เป็นฝึกหายใจบนบกเท่านั้น เพราะสภาพร่างกายทั้ง 13 คน ยังไม่พร้อมที่จะฝึกในน้ำ และการนำตัวทั้ง 13 คน ออกมาจากถ้ำ ไม่จำเป็นต้องออกมาพร้อมกันหมด ถ้าหากใครมีความพร้อมก่อน และไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายก็จะนำตัวออกมาก่อน
“เราต้องมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ เด็กทุกคนถึงจะได้ออกมา เด็กทุกคน 13 คน ไม่จำเป็นต้องออกมาพร้อมกัน ใครพร้อมสถานการณ์พร้อม แล้วตรงนั้นสำหรับเขาแล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ คำว่า 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ละคนไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นเราประเมินสถานการณ์ทุกวันทุกเวลา แล้วเราก็จะดูความพร้อม เพราะฉะนั้นยืนยันว่าถ้าไม่พร้อม หรือมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ เราจะไม่ปฏิบัติการเคลื่อนย้ายเด็ดขาด แต่ปฏิบัติการดูแลกู้ชีพวันนี้สมบูรณ์แบบ” ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
ขณะที่สภาพความเป็นอยู่ ของทั้ง 13 ชีวิต พล.ต.วุฒิไชย อิศระ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนเรศวนมหาราช หัวหน้าทีมโรงพยาบาลสนาม เปิดเผยว่า นอกจากหน่วยซีลที่เข้าไปอยู่เป็นเพื่อน แล้วยังมีหมอภาคย์ ซึ่งเป็นหมอที่มีจิตวิทยาสูง รวมถึงพยาบาลเวชศาสตร์ใต้น้ำเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งนำอาหารเข้าไปให้ ถึงแม้ว่าจะผ่านมาเป็นเวลา 1 วัน หลังจากที่พบทั้ง 13 คน แต่ตอนนี้รับประทานได้เพียงอาหารเหลวที่ให้พลังงานสูง ขณะเดียวกันทีมแพทย์ก็ได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
อย่างไรก็ตามวันนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงดำเนินการพร่องน้ำออกจากถ้ำและใต้ถ้ำ โดยการสูบน้ำจากบาดาล ขณะเดียวกันกรมอุทยานแห่ชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับทหาร และชาวบ้าน เดินขึ้นไปสำรวจบนถ้ำ โดยพบห้วยมะกอก และพบว่ามีโพรง ซึ่งคาดว่าเส้นทางน้ำจะไหลลงไปสมทบภายในถ้ำหลวง