รัฐบาลกรีซรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ไฟป่าหลายสิบจุดในบริเวณใกล้กลับกรุงเอเธนส์ อยู่ที่ 74 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกประมาณ 170 คน ส่วนใหญ่พบที่เมืองมาตี ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศตั้งอยู่ริมชายฝั่งทางตะวันออกของประเทศ ห่างจากกรุงเอเธนส์ประมาณ 40 กิโลเมตร ขณะที่นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจากไฟป่าครั้งนี้แล้ว และยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป (อียู) ด้านสเปนและไซปรัสซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดเสนอมอบความช่วยเหลือ
ทั้งนี้ รัฐบาลกรีซประเมินว่าสถานการณ์ไฟป่าครั้งนี้มีความรุนแรงที่สุดในรอบ 1 ทศวรรษ หรือนับตั้งแต่เหตุไฟป่าบนเกาะอีเวีย ทางตอนใต้ของประเทศ เมื่อปี 2550 คร่าชีวิตประชาชน 77 ศพ โดยจำนวนผู้เสียชีวิตและการเกิดความเสียหายกับสิ่งปลูกสร้างและพื้นที่การเกษตรจากไฟป่าครั้งนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก หลังมีรายงานบ้านเรือนมากกว่า 100 หลังได้รับความเสียหาย เนื่องจากสภาพอากาศจะยังคงร้อนจัดตลอด ทั้งนี้โดยอุณหภูมิอยู่ที่ระดับ 40 องศาเซลเซียส และกระแสลมที่มีความเร็วสูงถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเป็นอุปสรรคให้กับเจ้าหน้าที่ผจญเพลิงในการควบคุมสถานการณ์
ในเวลาเดียวกัน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของสวีเดน (เอ็มเอสบี) รายงานจำนวนไฟป่าทั่วประเทศ 27 จุด ลดลงราวครึ่งหนึ่งจากสถิติเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เอ็มเอสบียอมรับว่ามีความเสี่ยงสูงที่ไฟป่าจะปะทุขึ้นอีก เนื่องจากอุณหภูมิในสัปดาห์นี้อาจพุ่งสูงถึง 35 องศาเซลเซียส จากปกติซึ่งอยู่ที่ 23 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยบริเวณมีความเสี่ยงสูงที่สุดคือพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งไฟป่าสร้างความเสียหายไปแล้ว 25,000 เฮกเตอร์ ใหญ่กว่ากรุงปารีส 2 เท่า และรัฐบาลประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจในเบื้องต้นไว้ที่ 900 ล้านโครนาสวีเดน (ราว 3,420 ล้านบาท)
ขณะที่นานาประเทศในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเดนมาร์ก โปแลนด์ เยอรมนีและฝรั่งเศส ต่างจัดสรรสรรพกำลังเท่าที่เป็นไปได้เพื่อให้ความช่วยเหลือกรีซและสวีเดนในการดับไฟป่า นอกจากนี้ยังมีรายงานการเกิดไฟป่าในฟินแลนด์ นอร์เวย์ และลัตเวียด้วย