วันนี้(25 ก.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาววราวรรณ เวชชสัสถ์ รองเลขาธิการด้านกำกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาครัฐกำลังพิจารณาการบังคับนักท่องเที่ยวต่างชาติทำประกันภัยเมื่อเดินทางเข้ามาเที่ยวในไทย โดย คปภ.ได้นำเสนอ 3 แผนความคุ้มครองที่เหมาะสม คือ 1.ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) 2.พีเอบวกค่ารักษาพยาบาล 3.พีเอบวกค่ารักษาพยาบาล และเพิ่มเติมความเสี่ยงภัยจากกีฬาโลดโผน
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังคุยกันอยู่ว่าจะเลือกใช้ความคุ้มครองใด และใครเป็นผู้บริหารจัดเก็บเบี้ยประกันภัย ระหว่างหน่วยงานรัฐหรือบริษัทประกันภัย จึงยังไม่สามารถกำหนดเบี้ยประกันที่ชัดเจนได้ ทั้งนี้ หากหน่วยงานรัฐดำเนินการเอง โดยให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จัดเก็บค่าเบี้ยประกันค่าใช้จ่ายจะถูกลง แต่หากให้บริษัทประกันดำเนินการค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทประกันต้องไปหาช่องทางในการโปรโมตขาย ซึ่งจะส่งผลให้เบี้ยประกันสูงขึ้นด้วย
ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่ารัฐเตรียมพิจารณาจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางท่องเที่ยวไทยคนละ 30-40 บาท เพื่อนำเงินไปซื้อประกันภัยให้นักท่องเที่ยว โดยเริ่มใช้ได้ในปี 2562 นั้น จากการประชุมร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากับกระทรวงสาธารณสุข พบว่า อัตราเบี้ยดังกล่าว เป็นการคิดค่าเบี้ยประกันกับค่าธรรมเนียมรวมกัน แต่ในหลักการควรต้องแยกออกจากกัน เพื่อกำหนดทุนประกัน, ระยะเวลาในการคุ้มครอง และความคุ้มครองที่ชัดเจน
ขณะที่ ข้อมูลจากสมาคมประกันวินาศภัยไทย ระบุว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยเพิ่มเป็น 39 ล้านคนต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่จะมีนักท่องเที่ยวแบบแบ็กแพ็ก ที่จะไม่ได้ทำประกัน ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุ รัฐก็จะต้องนำเงินที่เก็บภาษีจากประชาชนไปช่วยเหลือ ซึ่งจ่ายคุ้มครองกรณีเสียชีวิตที่ 1 ล้านบาทต่อราย และค่ารักษาพยาบาลสูงสุดไม่เกิน 5 แสนบาท