เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2561 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ความพยายามในการสืบทอดอำนาจเห็นได้อย่างชัดเจนจากการ ใช้อำนาจเงิน อำนาจรัฐ เช่นการใช้มาตรา 44 ให้อำนาจ กกต.แบ่งเขตเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ทราบดีว่าจะต้องเผชิญกับการใช้อำนาจรัฐ ใช้อำนาจเงินอย่างไร ดังนั้น"ผู้มีอำนาจรัฐ จะทำอะไรเอาที่สบายใจ เอาให้เต็มที่"
พรรคเพื่อไทยมีหน้าที่พิสูจน์ตัวเองกับประชาชน มองการเลือกตั้งครั้งนี้มีความแตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะเป็นการเลือกตั้งด้วยบัตรใบเดียว และการนับคะแนนด้วยระบบจัดสรรปันส่วนผสม อาจจะไม่ได้บุคคลที่ตรงตามเจตนารมณ์ของประชาชน แม้จะชนะการเลือกตั้งก็ตาม
ดังนั้น เมื่อกลไกเกิดความบิดเบือน ประชาชนจึงต้องใช้สติปัญญาในการกาบัตรอย่างมียุทธศาสตร์ ต้องคิดว่าจะเลือกใครและให้ใครเข้ามาทำงาน ซึ่งเชื่อว่าท้ายที่สุดจะเหลือคนแค่ 2 กลุ่ม คือกลุ่มคนที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ และคนที่ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ประชาชนต้องใช้พละกำลัง ออกไปกาบัตรให้มากที่สุด โดยกาบัตร อย่างมียุทธศาสตร์ ซึ่งหาก ไม่สนับสนุนผู้มีอำนาจชุดปัจจุบัน หรือผู้มีอำนาจชุดปัจจุบันทำงานอยู่และไม่มีความสุข ขอให้พิจารณาและตัดสินใจ ในกาอย่างมียุทธศาสตร์
คุณหญิง สุดารัตน์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายขอให้กรรมการองค์กรอิสระกรรมการสภามหาวิทยาลัย รวมถึงกรรมการยุทธศาสตร์ชาติสบายใจเรื่องการแก้ไข กฎหมายเกี่ยวกับการยื่นบัญชีทรัพย์สิน ว่า เจตนาที่ต้องการทำให้การเมืองเกิดความโปร่งใส ป้องกันการทุจริตคอรัปชัน ได้นั้น ที่ร่างกฎหมายไว้ตรงไหนที่ตอบโจทย์ และปฏิรูป ให้ประเทศโปร่งใสได้มากขึ้น
แม้จะมีกฎหมายแล้วยังต้องแก้ไข ให้หลายๆตำแหน่งไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน แม้แต่คนที่มาเป็นกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งต้องดูแลงบประมาณต่อเนื่องถึง 20 ปีไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน แต่ให้นักการเมือง เท่านั้นที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน
"เป็นอะไรที่ต้องตั้งคำถามกลับว่าการดำเนินการแบบนี้จะให้เกิดความมั่นใจ ในอนาคตของประเทศได้อย่างไรโดยเฉพาะอนาคตที่บอกว่าประเทศ จะไร้การคอรัปชัน เริ่มต้นแค่ด่านแรก ที่จะให้แสดงความจริงใจในการแสดงบัญชีทรัพย์สิน ผู้มีอำนาจทั้งหลายก็ไม่กล้าที่จะแสดงแล้ว เป็นคำถามที่ฝากถามถึงผู้มีอำนาจเท่านั้นเอง"
อ่านเพิ่มเติม : “วิษณุ” ปลอบขวัญ คกก.ยุทธศาสตร์ชาติ ไม่ต้องแจ้งทรัพย์สิน วอนอย่าลาออก