ความพยายามของรัฐบาลฝรั่งเศสในการควบคุมสถานการณ์ชุมนุมประท้วงเดือด คัดค้านการขึ้นภาษีน้ำมัน ส่อแววชะงัก หลังกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อกั๊กเหลืองบางส่วน ประกาศขอถอนตัวจากการเข้าพบนายกรัฐมนตรี เอดูอาร์ด ฟิลิปป์ ในวันนี้ (4 ธ.ค. 2561) โดยให้เหตุผลว่าถูกขู่ฆ่าจากกลุ่มผู้ประท้วงที่มีแนวคิดหัวรุนแรงและสุดโต่ง
แต่ล่าสุด มีข่าวดี เพราะรัฐบาลออกมาประกาศว่า จะระงับการขึ้นภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงออกไปก่อน
ขณะที่เมื่อวานนี้ แกนนำพรรคฝ่ายค้านในสภาได้เข้าพบกับนายฟิลิปป์ เพื่อหารือถึงสถานการณ์ชุมนุมที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ โดยนาง มารีน เลอ เปน หัวหน้าพรรคขวาจัดของฝรั่งเศส เตือนประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ว่าควรยุติการใช้วิธีเผชิญหน้ากับผู้ประท้วง เพราะเขาอาจจะกลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกในรอบ 50 ปีที่สั่งยิงประชาชน
ฝั่งนายมาครง นับตั้งแต่มีการเรียกประชุมฉุกเฉินคณะรัฐมนตรี จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการตัดทางเลือกใดๆ ทิ้งไป รวมทั้งยังไม่มีการพูดคุยถึงการประกาศภาวะฉุกเฉิน โดย นายมาครง ได้ยกเลิกการเดินทางเยือนเซอร์เบีย เพื่อติดตามสถานการณ์การประท้วง ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 คน หนึ่งในนั้น คือ หญิงสูงอายุวัย 80 ปี จากเมืองมาร์กเซย (Marseille) ที่ถูกกระป๋องแก๊สน้ำตากระแทกเข้าที่ใบหน้า จากทางหน้าต่างอพาร์ตเมนต์ ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดที่มีการประท้วง
เบื้องต้น รัฐบาลได้ประเมินความเสียหายที่เกิดจากการประท้วง โดยพบว่า ช่วงชุมนุม ธุรกิจค้าปลีกมียอดขายลดลง 20-40 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ร้านอาหารมียอดขายลดลง 20-50 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินสาธารณะ
นอกจาก การประท้วงแผนปรับขึ้นภาษีน้ำมันของรัฐบาลแล้ว ยังมีประชาชนในภาคส่วนอื่นๆทั่วประเทศเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเช่นกัน ทั้งกลุ่มนักเรียนที่จัดการชุมนุมคัดค้านแผนปฏิรูปการศึกษา และกลุ่มผู้ขับรถพยาบาลที่ชุมนุมคัดค้านแผนปฏิรูประบบประกันสังคมและการรักษาพยาบาล
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> //www.pptvhd36.com/special/ข่าววันนี้
