วันนี้ (10 ธ.ค.61) ตัวเลขชี้วัดความเข้าใจของประชาชนที่สถาบันพระปกเกล้าสำรวจความคิดเห็นในหัวข้อ “ประชาชนพร้อมหรือยังกับการเลือกตั้ง” ผลสำรวจนี้พบว่า ประชาชนร้อยละ 55.2 ยังเข้าใจผิดว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีหน้า จะต้องกากบาทลงในบัตร 2 ใบแบบเดิม และพบว่าภาคเหนือเป็นภาคที่มีประชาชนเข้าใจผิดมากที่สุด
โดย ศาสตราจารย์วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า มองว่า การที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าบัตรเลือกตั้งแบบใหม่เหลือ 1 ใบ สะท้อนว่าทุกคนยังมีภาพจำแบบเดิม ซึ่งอาจจะมีผลต่อความเปลี่ยนแปลงทางประชาธิปไตยในอนาคต คณะกรรมการการเลือกตั้งควรรณรงค์เรื่องนี้ให้มากขึ้น และต้องตอบคำถามให้ได้ว่า การเปลี่ยนจากบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เป็น 1 ใบ มีเป้าหมายอย่างไร
ทั้งนี้ส่วนประเด็นบัตรเลือกตั้งไม่มีโลโก้และไม่มีชื่อพรรคจนถูกวิจารณ์ในวงกว้าง เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ระบุว่า ต้องดูข้อกฎหมายว่าสามารถทำได้หรือไม่ ส่วนตัวยอมรับว่ากติกาเลือกตั้งแบบใหม่ที่ใช้บัตรใบเดียว และ ส.ส.พรรคเดียวกัน มีเบอร์ไม่เหมือนกันในแต่ละเขต อาจจะสร้างความสับสนให้ประชาชนและมีความยุ่งยากพอสมควรในการทำบัตรเลือกตั้ง
นอกจากนี้ผลสำรวจของสถาบันพระปกเกล้า ยังพบว่า การที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้พรรคการเมืองเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีก่อนการเลือกตั้งมีอิทธิพลต่อคะแนนเสียง ส.ส.เขตของแต่ละพรรคอย่างมาก หลังพบว่าประชาชนร้อยละ 53.8 เลือก ส.ส.เขต จากชื่อนายกรัฐมนตรี ส่วนประชาชนที่ให้ความสนใจกับการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากที่สุดคือกลุ่ม Baby Boom ช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป
สำหรับแบบสำรวจนี้สถาบันพระปกเกล้าจัดทำขึ้นเป็นครั้งแรก และจะทำต่อไปอีกประมาณ 4-5 ครั้ง จนใกล้ถึงวันเลือกตั้ง นายสติธร ธนานิธิโชต นักวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ยืนยันว่า ตั้งใจทำโครงการนี้เพื่อสำรวจความเข้าใจประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะกติกาเลือกตั้งใหม่ค่อนข้างสร้างความสับสน ยืนยันว่า ไม่มีเจตนาเอื้อประโยชน์หรือชี้นำในทางใดทางหนึ่ง โดยแบบสำรวจครั้งนี้มีกลุ่มตัวอย่าง 1,540 ตัวอย่าง กำหนดตัวแทนจังหวัดละ 20 ตัวอย่าง