เมื่อวานนี้ (25 ธ.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบสภาพศพเด็กชาย ซูลุยผิว อายุ 2 ขวบ 1 เดือน ชาวเมียนมาร์ ที่หายไปกลางไร่อ้อย ขณะพ่อ แม่ กำลังตัดอ้อย ซึ่งสภาพศพคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วเป็นเวลา 5-7 วัน โดยกู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลอู่ทอง เพื่อชันสูตรศพหาสาเหตุการเสียชีวิต ด้านเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดสุพรรณบุรี ได้เก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุไปตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าพบอะไรบ้าง เบื้องต้นฝ่ายตำรวจยังไม่ตัดประเด็นเรื่องการพลัดหลงจนทำให้เสียชีวิต
โดยจุดที่พบนั้นอยู่ห่างออกไปจากกองอำนวยการประมาณ 5 กิโลเมตร และอยู่ไกลออกไปจากระยะการค้นหาของกองกำลังทั้งสี่หน่วยงานอีก 200 - 300 เมตร โดยอยู่ใกล้โซนค้นหาของตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งตำรวจเป็นผู้พบกลุ่มแรก ด้านพลตำรวจตรีกฤษณะ ทรัพย์เดช รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 ระบุว่า สาเหตุการตายยังไม่สามารถระบุได้ เพราะสภาพศพขึ้นอืด แต่จะเร่งยืนยันว่าจะเร่งคลี่คลายคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด
ขณะที่ล่าสุด ผลชันสูตรเบื้องต้น สภาพศพ ซูลุยผิว มีสภาพมีสภาพเละ ขาสองข้างบิดผิดรูป มีแผลที่ช่องท้องขนาดใหญ่ และบาดแผลจำนวนมากตามร่างกายเป็นแผลเรียบ ลักษณะถูกของมีคม ด้านตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานบาดแผลอาจเกิดจากอุบัติเหตุรถไถดิน ซึ่งตามข้อมูลในวันที่เด็กหายไปคือวันที่ 17 มีรถไถทำงานอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ 1 คัน ก่อนหน้านี้สอบปากคำเจ้าของรถไถไปแล้ว ยังไม่พบปมสงสัย แต่จากผลพิสูจน์บาดแผลเด็ก โดยวันนี้ (26 ธ.ค.61) ตำรวจ สภ.สระยายโสม จะมีการประชุมคดีอีกรอบหนึ่ง ก่อนวางแผนคลี่คลายคดี
ด้านนายสมาน วงษ์กัณหา คนขับรถไถ ออกมาเปิดใจถึงปมสงสัยการตายของเด็กชาย ซูลุยผิว ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ว่า วันเกิดเหตุตนขับรถไถเข้าไปในไร่อ้อยจริง โดยเห็นเด็ก 2 คน เล่นกันอยู่ในร่องไร่อ้อยริมถนน เมื่อเด็กเห็นรถไถได้หลบเข้าไปห่างจากรถประมาณ 3 เมตรซึ่งเป็นระยะปลอดภัย จากนั้นตนก็ขับรถไปไถดินตามปกติ จนกระทั่งเวลา 17.00 น. รู้เรื่องเด็กหายยังมาช่วยตามหา ที่แม่เขาพูดตนก็นึกโมโห และรู้สึกเสียใจ ที่ไปช่วยแล้วต้องมาเจอคำพูดแบบนี้
ทั้งนี้หลังเกิดเหตุมีตำรวจมาพาตัวไปสอบสวน พร้อมมาเก็บตรวจดีเอ็นเอที่รถไถไปหมดแล้ว ตนก็ให้ความร่วมมือทุกอย่าง ส่วนการเปลี่ยนใบมีดรถไถหรือหางนั้น เปลี่ยนจริงเนื่องจากดินแต่ละแปลงในไร่อ้อยไม่เหมือนกันมีทั้งดินแข็ง ดินอ่อน ต้องใช้หางให้เหมาะกับสภาพดิน ไม่อย่างนั้นก็ไถดินไม่เข้า
นายสมาน กล่าวต่อว่า ถ้าตนเหยียบเด็กตายจริง ๆ เรื่องคงไม่วุ่นวายแบบนี้ ตนรับสารภาพไปแล้ว เพราะมันเป็นอุบัติเหตุ ตนเป็นลูกผู้ชาย ยังได้บอกกับผู้กำกับไปแล้วด้วย ส่วนตัวไม่เชื่อว่าเด็กจะเข้าไปในไร่อ้อยเอง ยังสงสัยอยู่ว่าน่าจะมีคนพาเข้าไป ยังอยากให้ดูว่าตับไส้พุงอยู่ครบไหม ตอนแรกที่เกิดเหตุเด็ก 3 ขวบยังบอกว่า ถูกจับไปแล้ว ซึ่งเด็กไม่น่าจะพูดโกหก เพราะหากเวลาผ่านมา 3-4 วัน อาจจะมีการปรุงแต่งเรื่อง แต่เด็กพูดวันนั้นเลย ดังนั้นคงต้องไปถามพ่อแม่เด็กว่ามีศัตรูที่ไหน หรือเปล่า ถ้าผลชันสูตรออกมาแล้ว ตนก็อยากได้รับความเป็นธรรม อยากให้แถลงข่าวว่าตนไม่ผิด และอยากให้แม่เด็กมาขอโทษตนด้วย