การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2561 ทาง ตำรวจ บก.ปอศ.ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายทศพล บุญมานุช และ น.ส.ปิยพร แส่สันเทียะ สองสามีภรรยา ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
โดยจับกุมตัวได้ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังผู้ต้องหาทั้ง 2 คน หลอกลวงผู้เสียหายในขณะนั้นซึ่งมีประมาณ 50 คน ให้โอนเงินเข้าร่วมเล่นแชร์ออนไลน์ลงทุนทำธุรกิจร้านขายโทรศัพท์มือถือ ทำให้เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้แล้วเชิดหนี สร้างความเสียหายประมาณ 120 ล้านบาท โดยการจับกุมครั้งนั้นผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย อ้างว่า เปิดวงแชร์ให้ลูกค้าเล่นจริงมือละ 50,000 บาท ช่วงแรกมีการโอนดอกเบี้ยให้ตามตกลง แต่ระยะหลังถูกหุ้นส่วนโกงเงินไปทำให้แชร์ล่มไม่มีเงินชำระคืนผู้เสียหายกระทั่งนำมาสู่การจับกุม
ซึ่งในเวลาไม่กี่เดือนถัดมาชุดสืบสวน สน.หลักสอง สืบทราบว่าทั้ง นายทศพล และ น.ส.ปิยพร ได้ทำลายกำไล EM หรือกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์ ที่ศาลสั่งให้สวมไว้เพื่อหลบหนีในขั้นตอนการรอเรียกฟังคำพิพากษา โดยเฉพาะในพื้นที่ สน.หลักสอง นั้นมีผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากการก่อเหตุ ทั้งสิ้น 38 ราย มูลค่าความเสียหายนับล้านบาท จึงสืบสวนแกะรอยหาตัวสามีภรรยาแสบคู่นี้กระทั่งติดตามไปจับกุมตัวไว้ได้ ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ขณะหลบหนีไปกบดานในซอย 30 กันยา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
จากการสอบสวน นายทศพล ยอมรับว่า เมื่อช่วงต้นเดือน ธ.ค.2561 ได้ร่วมกันกับ น.ส.ปิยพร ตัดสินใจทำลายกำไล EM ที่ศาลสั่งให้สวมเอาไว้เพื่อหลบหนี เนื่องจากใกล้ถึงวันนัดฟังคำพิพากษาจากศาลแล้ว เชื่อว่าคงต้องโทษติดคุกแน่ ประกอบกับไม่สามารถหาเงินมาชดใช้ผู้เสียหายที่มีนับร้อยรายได้ทัน เมื่อทำลายกำไลเป็นที่เรียบร้อย ตนก็พากันขับรถยนต์ไปกบดานอาศัยหลับนอนตามปั๊มน้ำมันต่างๆ เร่ร่อนไปถึง จ.นครราชสีมา หาห้องเช่ากระทั่งถูกฝ่ายสืบสวน สน.หลักสอง ตามไปจับกุมตัวได้ในที่สุด