เมื่อวันที่ (29 ม.ค. 62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณชัดเจนว่าการกลับเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หลังการเลือกตั้ง จะใช้วิธีการเสนอชื่อจากบัญชีพรรคการเมืองเท่านั้น แต่ยังไม่ตอบว่าตัดสินใจเลือกลงบัญชีพรรคการเมืองใด เพราะยังมีเวลาถึงวันที่ 4-8 กุมภาพันธ์ ในการศึกษานโยบาย ก่อนตอบรับร่วมงานหรือไม่ พร้อมยืนยันไม่ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เพราะกฎหมายไม่ได้ห้าม
นายกรัฐมนตรี เห็นว่า การลาออกของ 4 รัฐมนตรี ไม่มีผลต่อการทำงานของรัฐบาล จึงยังไม่ปรับคณะรัฐมนตรี เพราะสองกระทรวงที่ลาออกไปยังมีรัฐมนตรีช่วยว่าการ และยังมีรองนายกรัฐมนตรี ที่สามารถปฏิบัติราชการแทนได้
ย้อนกลับไปช่วงเช้า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า 15 นาที ก่อนร่วมกันแถลงข่าวการลาออกอย่างเป็นทางการ เพื่อไปทำงานพรรคพลังประชารัฐอย่างเต็มตัว โดยมีผลวันพรุ่งนี้ และย้ำว่า ลาออกเพราะทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว จึงจะไปทำงานการเมืองเต็มตัว
นายอุตตม ยังยืนยันว่า พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่มีเรื่องการทาบทามลง บัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรค รวมทั้งยังไม่ได้ทาบทามใคร แต่ก็จะรู้ในอีกไม่นาน เพราะมีกรอบเวลาที่ต้องเสนอชื่อคนที่พรรคจะชูเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ในวันรับสมัครเลือกตั้ง 4- กุมภาพันธ์นี้
ส่วนนายสนธิรัตน์ ยืนยันว่า การลาออกหลังมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม และถือเป็นมาตรฐานใหม่ ไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง
วันพรุ่งนี้ พรรคพลังประชารัฐ เตรียมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร ทั้ง 30 เขต พร้อมเดินหาเสียงที่อุทยานเบญจสิริ ส่วนการเปิดตัวผู้สมัครทั้ง 350 เขต และนโยบายพรรค นายกอบศักดิ์ เปิดเผยว่าอยู่ระหว่างกำหนดวัน และคาดว่าจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้
แต่หากมองถึงการที่ นายสนธิรัตน์ พยายามย้ำว่า การลาออกของ 4 รัฐมนตรี เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน อาจต้องย้อนไปดูด้วยว่า ในรัฐบาลปกติ หากจะมีการเลือกตั้ง ก็หมายความว่า ความเป็น "นายกรัฐมนตรี" สิ้นสุดลง ตั้งแต่การยุบสภา หรืออยู่จนครบวาระ ซึ่งจะทำให้ รัฐมนตรีทั้งคณะ พ้นจากตำแหน่งไปด้วยตามกฎหมายอยู่แล้ว จึงอยู่ในสถานะรัฐบาลรักษาการ ที่ไม่สามารถอนุมัติงบประมาณ โครงการผูกพัน หรือแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการได้ ต่างจากรัฐบาลชุดนี้ ที่ยังมีอำนาจเต็ม
ขณะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ออกมายืนยันว่า ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐ และแม้จะถูกเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตของพรรค ก็จะไม่ยอมรับ เพราะใกล้เกษียณจากการทำงานแล้ว หลังจากนี้จะวางแผนพักผ่อนและท่องเที่ยว
