ยังทำใจไม่ได้! พ่อ-แม่ เด็ก 2 ขวบ เหยื่อ 'ผอ.กอล์ฟ' พอใจคำตัดสิน ลั่นจะสู้คดีถึงที่สุด
“มีคำกล่าวว่าบ้านคือวิมานของทุกคน แต่บ้านด้านหลังเป็นสถานที่ ที่กำลังพยายามลบฝันร้ายที่สร้างความปวดร้าวและกลายเป็นแผลในใจผู้เป็นพ่อเป็นแม่ เพราะเขาและเธอได้สูญเสียลูกชายในเหตุการณ์สะเทือนขวัญคนทั้งประเทศ จนต้องทิ้งวิมานที่เคยสร้างและอยู่ร่วมกัน เดินทางไกลหลายร้อยกิโลเมตร เพื่อหันหลังให้กับฝันร้ายนี้”
แม้ในบ้านจะมีของเล่น หรือของใช้ ของ เด็กชายภาณุวิทย์ วงษ์อยู่ หรือ น้องไทตัลอยู่ แต่ที่นี่ ไม่ใช่บ้านหลังเดิมที่เคยอยู่ร่วมกัน
ครอบครัวน้องไทตัลตัดสินใจย้ายจาก จ.ลพบุรี มาอยู่ที่อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี เปิดร้านชำเล็กๆ ที่พออยู่ได้
อนุชา วงศ์อยู่ และวิไลวรรณ ยังรอด พ่อและแม่ของน้องไทตัล ใช้ร้านแห่งนี้เป็นสื่อแทนใจด้วยใบหน้าของลูก และชื่อร้าน
แม้จะย้ายข้ามจังหวัดเพื่อลืมฝันร้าย แต่มุมเดิม รูปภาพ ของเล่น ยังถูกจัดวางให้หวนคิดถึง ซึ่งแม่น้องไทตัลยังเฝ้าโทษตัวเองว่า เป็นคน ทำให้ลูกหายไปอย่างไม่มีวันกลับ เช่นเดียวกับนายประเสริฐ คงลี อดีตเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในวันเกิดเหตุ เขาถูกนายประสิทธิชัยเข้าที่หน้าอก กระสุนทะลุปอด ปัจจุบันเขาไม่สามารถทำงานหนักได้เหมือนเดิม ต้องออกจากงาน และยังพบแพทย์ทุกเดือน
นี่แค่ส่วนหนึ่งของความสูญเสียจากคดีฆ่า ชิงทอง ที่ตำรวจใช้เวลา 2 สัปดาห์เต็ม กว่าจะมั่นใจว่า คนลงมือฆ่า คือ ผู้อำนวยการโรงเรียนชั้นประถมศึกษา ชื่อว่านายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือกอล์ฟ
นับจนวันนี้ นายประสิทธิชัย ไม่พูดอะไรนอกจากคำสารภาพทุกข้อกล่าวหา ทั้งฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่า ,ชิงทรัพย์ และคดีอาวุธปืน
แม้เจ้าตัวสารภาพ แต่ไม่มีประโยชน์ โดยศาลอาญาชั้นต้น เห็นว่า การสารภาพของนายประสิทธิชัย เพราะจำนนต่อหลักฐาน จึงมีคำสั่งให้ประหารชีวิต และชดใช้ค่าสินไหมผู้เสียหาย พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
ตั้งแต่เกิดเหตุ ครอบครัวน้องไทตัล ยังไม่ได้เคยได้ยินแม้คำขอโทษจากผู้เกี่ยวข้องของนายประสิทธิชัย ส่วนค่าเยียวยาที่ได้ ส่วนใหญ่เป็นเงินจากผู้ใจบุญและรัฐช่วยเหลือส่วนหนึ่ง แต่เงินไม่อาจประเมินเป็นมูลค่า ที่จะมาเยียวยาจิตใจผู้สูญเสียในเหตุการณ์นี้ได้
“แม้ผู้เสียหาย และผู้สูญเสียจะได้รับการเยียวยา แต่ไม่ว่าเงินจะมากเพียงใด ก็ไม่อาจเยียวยาจิตใจของพวกเขาได้ มีเพียงชีวิตที่ต้องเดินหน้าต่อไป แม้ว่าวันนี้จะไม่มีเป้าหมายในชีวิตก็ตาม”