วันที่ 19 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งไปคอมเมนต์ เตือน "พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ" พระนักคิดนักเขียนชื่อดัง วัดสร้อยทอง กรุงเทพฯ ว่าอย่าไปสนิทสนมกับ “หมอปลา” จะดีกว่า หลังจากที่ช่วงหลังพระมหาไพรวัลย์ ได้ออกเดินทางไปเยี่ยมชาวบ้านที่มีเรื่องทุกข์ร้อน และเป็นประเด็นตีแผ่สังคม ร่วมกับหมอปลาอยู่บ่อยครั้ง
พระอึ้ง ญาติโยมทำบุญจัดชุดสังฆทานอาหารสุนัข
“มหาไพรวัลย์” ฉะ สำนักพุทธฯไม่มีหน้าที่ตักเตือนพระ ชี้ทุกคนแสดงความเห็นได้ตาม รธน.
เรื่องนี้เองทำให้ พระมหาไพรวัลย์ ต้องออกมาตอบคำถามนี้ พร้อมเปิดใจถึงประเด็นดังกล่าว ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ว่า “คนถามเรื่องนี้กันมากนะ อาตมาจะขอตอบให้ชัดๆ สักครั้งหนึ่ง..
อนึ่ง ที่จริงหมอปลาไม่จำเป็นต้องนิมนต์อาตมาไปไหนด้วยก็ได้ เพราะพูดถึงในทางชื่อเสียงและการเป็นที่รู้จัก ชาวบ้านรู้จักหมอปลามากกว่าอาตมาอีก
อาตมาจะเล่าให้ฟังก็ได้ คือโยมอาจจะไม่ทราบนะ แทบทุกกรณีที่เราเดินทางไปช่วย ล้วนเป็นกรณีที่หมอปลาได้รับการติดต่อขอร้องให้เดินทางไปแทบทั้งนั้น ที่สำคัญ ทุกกรณีที่หมอปลามาช่วยเหลือ เงินแม้แต่บาทเดียว หมอปลาไม่เคยคิดเลย กลับกันบางกรณีที่เดือดร้อนน่าเห็นใจจริงๆ หมอปลายังมอบเงินส่วนตัวให้ด้วย
แล้วหมอปลาทำอะไร ? แม้พิธีกรรมบางอย่างจะมีเรื่องไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หมอปลาแกไม่ได้ทำอะไรซึ่งเป็นเรื่องเลอะเทอะเลย บทสวดที่แกสวด อาตมาฟังก็มีแต่เรื่องของพุทธคุณ แกใช้จิตวิทยาเหมือนที่จะทำพิธีกรรมให้คนสบายใจ แต่สุดท้ายแทบทุกกรณีที่อาตมาไปด้วย แกจะสอนคนให้เลิกเชื่อเรื่องพวกนี้ เรื่องภูติผีวิญญาณ เรื่องการเคารพรูปปั้นนอกพุทธศาสนา ศาลสร้างความทุกข์ ก็ทุบศาล...เลย นั่นแหล่ะ หมอปลา
ไม่ให้อาตมาคบคนแบบนี้แล้วจะให้อาตมาไปคบคนแบบไหน ?
คุณมองแต่เรื่องว่าหมอปลาเกาะกระแส อาตมาเกาะกระแส แต่เบื้องหลังไม่มีใครสนใจเลยว่า คนที่มาขอให้หมอปลาเดินทางไปช่วย เขามีความทุกข์อะไรบ้าง ถูกหลอกลวงยังไง มีใครเห็นหัวพวกเขาหรือเปล่า ?
ชาวบ้านคนยากคนจน มีสักกี่คนเชียว ที่พร้อมจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือพวกเขา ปลดทุกข์ให้พวกเขา โดยไม่คิดถึงปัจจัยเงินทองและผลประโยชน์ที่จะได้
โยมไม่ให้อาตมาคบคนแบบนี้ แล้วโยมจะให้อาตมาคบคนแบบไหน"
ขอบคุณภาพ : พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ