แนะวิธีป้องกัน “เด็ก” ถูกลืมในรถ ลดการสูญเสียที่ไม่คาดคิด
เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2564 นางสาวสุวรรณา ชาว ต.หนองบัวโคก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ออกมาเปิดเผยเพื่อหวังเป็นอุทาหรณ์กับผู้ปกครอง โดยเล่าว่า ลูกสาวอายุ 5 ขวบ ชื่อน้องแก้ม ป่วยเป็นโรค คุชชิ่ง ชินโดรม16 เปอร์เซ็นต์ ยังพูดไม่ได้ ซึ่งให้เข้าโรงเรียนในหมู่บ้าน ที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไร จนเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา สามีไปรับลูกสาวจากโรงเรียนกลับบ้าน ก็พบว่าลูกสาวมีสีเปื้อนทั่วบริเวณริมฝีปาก และในลิ้น สามีจึงรีบอาบน้ำทำความสะอาด ตกกลางคืนลูกอาเจียนอย่างหนัก มีไข้เล็กน้อย จึงให้หยุดเรียนตั้งแต่วันถัดมา
วันต่อมาลูกมีอาการเสมหะติดคอ หายใจไม่คล่อง มีไข้ต่ำ จึงให้พักอยู่บ้าน จนวันที่ 17 พ.ย.ลูกมีไข้สูง และชักเกร็ง จึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลลำปลายมาศ เมื่อหมอซักประวัติ ได้ส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนางรอง และเมื่อหมอดูอาการแล้วอันตราย จึงเข้าห้อง ไอซียู ทันที ตอนนี้หมอต้องมัดข้อมือและข้อเท้าเอาไว้ เพราะลูกสาวจะชักเกรงตอนรู้สึกตัว ต้องให้ยานอนหลับเป็นระยะ และมีการตอบสนองบ้าง ที่ผ่านมาเคยถามครูหลายครั้ง แต่ครูปฏิเสธว่า ห้องเรียนไม่มีสีให้เด็กเล่น สุดท้ายเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ครูออกมายอมรับแล้วว่าลูกสาวกินสีจากปากกาเมจิ
ทั้งนี้นางสาวสุวรรณมา ยอมรับว่า เสียใจมาก ไม่อยากจะให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับใคร หากครูบอกสาเหตุเร็วกว่านี้ ก็อาจทำให้รักษาลูกได้ทันท่วงที ลูกก็จะอาการไม่หนักขนาดนี้ และอยากให้ครูระมัดระวังเรื่องการดูแลเด็กเล็กมากกว่านี้ด้วย