เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางอุบลราชธานี เข้าตรวจที่เกิดเหตุไฟไหม้ในเรือนจำกลางอุบลราชธานี เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้อย่างละเอียด โดยก่อนเข้าเจ้าหน้าที่ทุกนายต้องทำการตรวจ เอทีเค ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19 อย่างเคร่งครัด ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้
เตือนภัย AirTags โจรก่อเหตุขโมยรถยนต์ อาศัยช่องโหว่ อุปกรณ์ติดตาม
สหรัฐฯจะส่งทหารไปประจำยุโรปเพิ่มเติม
แต่เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากขณะเกิดเหตุเป็นช่วงกลางดึก ไม่มีใครอยู่ในบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้
สำหรับเหตุเพลิงไหม้ เกิดขึ้น เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ต้นเพลิงอยู่บริเวณอาคารฝึกงานเย็บผ้าหญิงแดน 3 ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียว อยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่จาก หน่วยดับเพลิงเทศบาลนครอุบลราชธานี องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี และฝ่ายบรรเทาสาธารณภัยมูลนิธิการกุศลจีตัมเกาะอุบลราชธานี นำรถดับเพลิงจำนวน 7 คัน เข้าช่วยดับไฟ
"เช็ก 5 อาการโอมิครอน" ที่แพทย์ตรวจพบในกลุ่มผู้ติดเชื้อโควิด
เมื่อรถดับเพลิงไปถึงเรือนจำอนุญาตให้รถดับเพลิงเข้าไปภายในได้เพียง 2 คัน เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่คับแคบ และจำกัดจำนวนคนเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ ทำให้ที่เหลือต้องรออยู่ภายนอกเรือนจำ ซึ่งใช้เวลาควบคุมเพลิง ประมาณ 1 ชั่วโมง เพลิงก็สงบลง โดยยังเหลือเพียงควันไฟที่คุกรุ่นจากเศษผ้า กองกระดาษ และเศษไม้ อยู่เพียงเล็กน้อย
จากการสอบถามข้อมูล ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น มีฝนตกลงมาในพื้นที่ เจ้าหน้าที่มองเห็นเปลวไฟลุกไหม้ขึ้นจากด้านในของตัวอาคาร จึงพยายามช่วยกันดับไฟ แต่เอาไม่อยู่ เพราะต้นเพลิงมีทั้งเศษกระดาษและเศษผ้าที่นำมาใช้เย็บหน้ากากให้นักโทษสวมใส่ป้องกันโรคระบาด จึงโทรศัพท์ขอรถดับเพลิงมาช่วยดับไฟ จนเพลิงที่ลุกไหม้สงบลง โดยไม่ได้ลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียง
เตือนภัย AirTags โจรก่อเหตุขโมยรถยนต์ อาศัยช่องโหว่ อุปกรณ์ติดตาม
พบโควิด-19 โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 แล้วใน 57 ประเทศทั่วโลก
โดยขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ภายในอาคาร สำหรับเรือนจำกลางจังหวัดอุบลราชธานี แห่งนี้ มีผู้ต้องขังหญิงและชาย ถูกควบคุมตัวอยู่กว่า 6 พันคน