ความคืบหน้ากรณี “หมอปลา” จีรพันธ์ เพชรขาว หรือมือปราบสัมภเวสี พร้อมคณะ บุกเข้าตรวจสอบ “หลวงปู่แสง ญาณวโร” อายุ 105 ปี พระเกจิชื่อดัง โดยมีการกล่าวหาว่า ลวนลามญาติโยมที่เป็นหญิงสาว กระทั่งหมอแถลงยืนยันว่าท่านมีอาการป่วย 10 กลุ่มโรค หนึ่งในนั้นคือ “โรคอัลไซเมอร์” จนกระแสตีกลับ ทำให้ต้องกราบรูปขอขมานั้น
นักข่าวสาวกราบขอขมา "หลวงปู่แสง"
สมาคมสื่อฯ แถลงการณ์ยกปม"หลวงปู่แสง"เตือนสำนักข่าวระมัดระวังการนำเสนอ
ล่าสุดวันนี้ นายอนันต์ชัย ไชยเดช พร้อมทีมงาน เดินทางลงพื้นที่วัดป่าอรัญญาวิเวก ต.ไก่คำ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ เพื่อเข้ากราบ “หลวงปู่แสง”
ทั้งนี้ ได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นและ แถลงข่าวภายหลังเข้ากราบ “หลวงปู่แสง” ว่า “สิ่งที่หลวงปู่ได้รับ ถือเป็นการทำลาย และเหยียดย่ำหัวใจชาวพุทธ และชาวอิสาน โดยพฤติกรรมการเข้าตรวจสอบ “หลวงปู่แสง” ถือว่าไม่เหมาะสมอย่างมาก ทั้งการใช้คำหยาบ และใช้คำพูดส่อเสียด แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลวงปู่แสง ได้ให้อภัย และไม่ติดใจเอาความใดๆ รวมถึงท่านไม่สามารถเป็นผู้เสียหายได้ เนื่องจากสติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วน เพราะป่วยเป็นอัลไซเมอร์ ซึ่งทุกคนก็น้อมรับการตัดสินใจครั้งนี้
ทนายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า สิ่งที่หมอปลาทำถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย หลังจากนี้ ถ้าบุคคลใดบุกรุกเข้าไปในวัด ลักษณะเข้าไปจับผิดพระ ให้แจ้งดำเนินคดีฐานบุกรุกได้ทันที หรือถ้าเข้าไปแล้ว ก่อเหตุลักษณะล้อมหน้าหลัง ทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ มีความผิดฐานบังคับข่มขืนใจผู้อื่น โดยเฉพาะหากก่อเหตุแบบนี้ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป จะมีความผิดฐานซ่องโจรอีก หากวัดไหนถูกกระทำแล้วไม่กล้าแจ้งความ ขอให้แจ้งมา ตนเองจะจัดการให้เพราะการไล่จับสึกพระ ตรวจสอบพระ ไม่ใช่หน้าที่ของหมอปลา อยากถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า พวกคุณทำอะไรกันอยู่ ที่ปล่อยให้คนไม่เกี่ยวข้องทำแบบนี้ และที่น่าสังเวชใจ วันเกิดเหตุ มีระดับนายอำเภอมากับเขาด้วย ก็ไม่ทราบว่ามาทำหน้าที่อะไร
ขณะที่ ทนายความของ “หลวงปู่แสง” ยืนยันว่า ตามมติและเจตนารมณ์ของหลวงปู่ ไม่ต้องการให้ดำเนินคดีใด หลังจากนี้หากมีการดำเนินคดีใดๆ เกิดขึ้น ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่ หรือญาติๆ แล้ว ขณะที่ญาติของ “หลวงปู่แสง” ยืนยันว่า ตอนนี้อายุที่แท้จริงของหลวงปู่ น่าจะมีอายุประมาณ 105 ปี หลังจากมีการแจ้งเกิดช้า โดยเปรียบเทียบจากใบแจ้งเกิดน้องสาวของหลวงปู่เป็นหลักฐานอ้างอิง
ส่วนบรรยากาศช่วงบ่ายที่ผ่านมา คณะอุปฐาก พร้อมญาติโยมได้มีการประชุมสงฆ์ เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการต่อไปเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่า ข่าวปลดพระสงฆ์ที่ดูแลหลวงปู่นั้นไม่เป็นความจริง เพราะการดูแลหลวงปู่ ไม่ใช่การแต่งตั้งอำนาจหน้าที่ เป็นการการปฏิบัติใกล้ชิดเท่านั้น ตอนนี้ยังไม่มีมติใดๆออกมา ยังคงประชุมหาหรือและจะมีการแถลงข่าวอีกครั้งหลังจากที่ประชุมเสร็จแล้วเรียบร้อย