นายสำรี ภูอบเชย อายุ 69 ปี กล่าวขอบคุณนายนาคินทร์ ภูจ่าพล ผู้ใหญ่บ้านดอนยานาง แพทย์ อบต.ดอนสมบูรณ์ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ฯ และทุกคนที่มีส่วนช่วยเหลือ พาไปทำบัตรประจำตัวประชาชน และ ตรวจสุขภาพ เพื่อที่จะได้รับสวัสดิการคนพิการ หรือสิทธิ์อื่น ๆ ที่พึงมีพึงได้จากบริการของรัฐ จึงเหมือนกับเป็นการชุบชีวิตของตัวเองที่เคยเป็นคนร่อนเร่พเนจรได้มีหลักแหล่ง เป็นคนไทยที่โดยสมบูรณ์ มีสิทธิเหมือนประชาชนคนไทยทุกประการ ทุกวันนี้จึงเหมือนตายแล้วเกิดใหม่
ทนายเดชา ร้อง เสรีพิศุทธ์ สอบจริยธรรม เต้-มงคลกิตติ์ ลั่น เป็น ส.ส.มาเฟีย
เผยพระบรมฉายาลักษณ์ ควีนอลิซาเบธ ก่อนงานฉลองราชย์ 70 ปี
ที่มาของเรื่องนี้ เกิดขึ้นจากการที่นายนาคินทร์ ภูจ่าพล โพสต์ภาพพร้อมข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังพาชายวัย 69 ปี นั่งรถเข็นเข้าไปทำบัตรประชาชนที่ที่ว่าการอำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นการถ่ายภาพทำบัตรประชาชนครั้งแรกในชีวิตของชายวัย 69 ปี นอกจากนี้ยังได้พาไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล และขอรับความช่วยเหลือด้านสวัสดิการ กับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.กาฬสินธุ์
หลังจากนั้นได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ทำให้มีผู้เข้ามากดไลค์กดแชร์ แสดงความชื่นชมและแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเกิดความสงสัยในประเด็นที่ว่า ทำไมชายวัย 69 ปีคนนี้ เพิ่งจะทำบัตรประชาชนเป็นครั้งแรก ทั้ง ๆ ที่ปัจจุบันให้สามารถทำบัตรประจำตัวประชาชนตั้งแต่อายุ 7 ปี
นายนาคินทร์ อธิบายว่า นายสำรีออกจากหมู่บ้านเมื่ออายุประมาณ 16 ปี จึงไม่ได้ถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน แต่ก็ยังมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ขณะที่ตัวนายสำรีกลายเป็นคนพเนจร รับจ้างทั่วไป และไม่เคยกลับมาเยี่ยมบ้านเลย จนญาติและทุกคนในหมู่บ้านเข้าใจว่าเป็นบุคคลสูญหายหรือเสียชีวิตไปแล้ว แต่เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้มีรถกู้ชีพและเจ้าหน้าที่ของ อบต.หลักเหลี่ยม อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ พานายสำรี ซึ่งมีสภาพร่างกายอ่อนแอ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มาส่งที่บ้าน
ทางพี่สาวนายสำรี จึงได้มาขอคำปรึกษา เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ตัวเองจึงได้พานายสำรีไปทำบัตรประชาชน และประสาน อบต.ดอนสมบูรณ์ จัดหารถเข็น เพื่อช่วยเหลือ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติของตัวเองในการบริการให้ความช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน ในฐานะผู้ใหญ่บ้าน
"กัน จอมพลัง" พาเหยื่อแจ้งจับโฆษกพรรคการเมืองข่มขู่
อนามัยโลกชี้ “ฝีดาษลิง” เป็น “ภัยเสี่ยงระดับปานกลาง” ต่อสาธารณสุขโลก