นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ด้วยนโยบาย “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เน้นดูแลให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการอย่างเท่าเทียมและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพที่ได้กำชับให้ทุกภาคส่วนจัดระบบการดูแลอย่างครอบคลุม จึงเห็นได้จากปัจจุบัน “สิทธิบัตรทอง” ได้ยกระดับการให้บริการ ทั้งการขยายการรักษาจำนวนโรค สิทธิประโยชน์ อาทิ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ยาคุมกำเนิด
ลงทะเบียน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มวันแรก จันทร์ที่ 5 ก.ย.นี้
“จิสด้า” เทียบพื้นที่น้ำท่วม ส.ค. 54 กับ ส.ค. 65 พบต่างกัน 3 เท่าตัว
และที่สำคัญคือ การให้ผู้ป่วยเข้าถึงแพทย์ได้อย่างสะดวก หากเจ็บป่วยสามารถเข้ารับบริการเป็นผู้ป่วยนอกได้ที่หน่วยบริการปฐมภูมิในสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณะสุขทั่วประเทศ โดยไม่ถูกปฏิเสธ และไม่ถูกเรียกเก็บเงิน
นางสาวรัชดา กล่าวว่า ด้วยนโยบายการรักษาที่ครอบคลุมมากขึ้นของสิทธิผู้มีบัตรทอง ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งสามารถใช้สิทธิรักษาได้ในสถานพยาบาลของรัฐทุกที่ โดยในปีงบประมาณ 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 – 30 มิถุนายน 2565 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รายงาน มีผู้ป่วยโรคมะเร็งเข้ารับบริการ จำนวน 603,060 ครั้ง จากเป้าหมายที่ได้รับจัดสรร 339,371 ครั้ง
เมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง จะมีการปรึกษาพูดคุยระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยเพื่อตัดสินใจเลือกหน่วยบริการที่จะไปรักษาร่วมกัน ขณะเดียวกันการดูแลผู้ป่วยยังไม่ได้จำกัดเฉพาะในโรงพยาบาล ระบบบริการยังมีบริการระบบสาธารณสุขทางไกล (Telehealth) บริการปรึกษาเภสัชกรทางไกล (Tele pharmacy) และการให้ยาเคมีบำบัดที่บ้าน (Home Chemotherapy) สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการตามเกณฑ์ที่กำหนดและขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งจะช่วยลดจำนวนครั้งในการเดินทางมาโรงพยาบาล ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายอีกทางหนึ่งด้วย
“รัฐบาลมุ่งดูแลคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างเต็มที่ การขับเคลื่อนนโยบายรักษามะเร็งได้ทุกที่ เป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจของรัฐบาลที่ประสงค์ให้ประชาชนได้รับการักษาโรคเรื้อรังและร้ายแรงโดยเร็วและสะดวก ตัวเลขสถิติข้างต้นชี้ให้เห็นว่าผู้ป่วยมะเร็งสามารถเข้าถึงบริการการรักษาได้มากขึ้นและเร็วขึ้น ส่งผลให้การรักษาดีขึ้นตามไปด้วย” นางสาวรัชดา กล่าว
ตรวจหวย - ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 1 กันยายน 2565 ลอตเตอรี่ 1/9/65