วันนี้(8 ก.ย.) มีการจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือนและหนี้ SMEs โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมงานที่อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 เมืองทองธานี
นายสมศักดิ์ กล่าวรายงานว่า ช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมาเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจเกิดความเสียหาย ขาดทุน ซ้ำร้ายประชาชนจำนวนมาก ยังต้องตกงาน และถูกลดค่าแรง จนทำให้เกิดปัญหาหนี้สินครัวเรือน
กรุงเทพธนาคม เตรียมขออุทธรณ์ จ่ายหนี้ BTS กว่าหมื่นล้านบาท
ฝากขัง ผู้ต้องหาหลอนยา คดียิงนักเรียนดับ 3 ศพ ด้านตร.แจ้งเพิ่มอีก 1 ข้อหา
รัฐบาลเล็งเห็นความเดือดร้อนนี้ จึงได้ประกาศให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน โดยกำหนดไว้ 8 ประเด็น ซึ่งกระทรวงยุติธรรม มี 2 หน่วยงานที่ดำเนินการได้ คือกรมบังคับคดี และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ที่เกี่ยวข้อง 4 ประเด็น คือ
1. การแก้ไขปัญหาหนี้ กยศ.
2.การแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล
3. การแก้ปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์และ รถจักรยานยนต์
4. การปรับปรุงขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ เป็นรอบเก็บตก เพราะมีประชาชนบางส่วนไม่ได้อยู่ในภูมิลำเนา จึงไม่ได้เข้าร่วมงาน และได้เรียกร้องขอให้จัดงานขึ้นอีกครั้ง โดยได้กำหนดจัดงานเป็นเวลา 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-11 ก.ย.65 เชิญลูกหนี้เข้าร่วมงาน 172,855 ราย ทุนทรัพย์ 30,651 ล้านบาท
ด้านนายวิษณุ เครืองาม กล่าวเปิดงานว่า การให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนนั้นรัฐบาลต้องทำ 3 เรื่องควบคู่กัน คือ การให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน การกำกับดูแลเจ้าหนี้ ให้สินเชื่ออย่างเป็นธรรมและการปรับโครงสร้างหนี้และการไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สิน ทำให้พี่น้องประชาชนมีเงินสำหรับใช้จ่ายมากขึ้น จากภาระหนี้ที่ดอกเบี้ยลดลง ลดปัญหาการสร้างหนี้เกินตัว เพิ่มโอกาสทางสังคมและลดความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้การเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐมาแก้ไขปัญหา โดยใช้งบประมาณรัฐน้อยที่สุด
จากนั้นนายสมศักดิ์ ได้ลงมือไกล่เกลี่ยด้วยตัวเอง โดยรายแรก เป็นหนี้หลังฟ้อง โตโยต้า ลิสซิ่ง กู้ซื้อรถยนต์ 706,032 บาท ชำระไปแล้ว 391,582 บาท แต่ผิดการชำระจนถูกฟ้อง 341,450 บาท และยึดที่ดิน หลังจากนั้นได้ชำระไป 148,938 บาท เหลือ 193,052 บาท โดยผลการไกล่เกลี่ย ได้ส่วนลด 103,052 บาท เหลือ 90,000 บาท ลูกหนี้ตกลงปิดยอดทั้งหมดและยกเลิกการยึดที่ดิน รายต่อมาเป็นหนี้ก่อนฟ้อง กยศ. กู้เงินมา 263,900 บาท แต่ไม่จ่ายชำระตั้งแต่ปี 2556 ทำให้มีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ รวมกับเงินต้นเป็นเงิน 494,863 บาท ผลเจรจาได้ส่วนลด 161,948 บาท เหลือ 332,914 บาท ให้ผ่อนเดือนละ 1,260 บาท 25 ปี อีกรายเป็นหนี้ก่อนฟ้อง กยศ. กู้มา 341,910 บาท ชำระมาแล้ว 204,468 บาท ขาดส่งจนมีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับรวมเงินต้นเป็นเงิน 233,179 บาท ผลเจรจาได้ส่วนลด 76,891 บาท เหลือ 156,287 บาท ผ่อนเดือนละ 720 บาท 20 ปี
โดยทางลูกหนี้ กล่าวว่า ขอบคุณรัฐบาล กระทรวงยุติธรรม และสถาบันการเงินที่จัดงานขึ้นมา เพราะได้รับส่วนลดเยอะมาก อยากชวนทุกคนมางาน เรายังมีหนทาง เจ้าหน้าที่ทุกคนพร้อมช่วยเหลือ ขอแค่เรามายังจุดนี้ให้ได้ อยากให้ทุกคนเปิดโอกาสให้ตัวเอง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มตัวแทนสหกรณ์แท็กซี่ เข้าขอบคุณรัฐบาลและกระทรวงยุติธรรม ที่ช่วยไกล่เกลี่ยหนี้สินด้วย
สถิติ ส.ค.65 ปชช.แจ้งความคดีออนไลน์ 1.7 หมื่น เสียหายกว่า 3 พันล้าน
ผู้ประกอบการโรงแรมกลัว "เงินเฟ้อ" ฉุดกำลังซื้อ มากกว่าโรคระบาด